พูดถึงไขมันคุณสาว ๆ คงร้องยี้และเตรียมเมินหน้าหนีกันเป็นแถว แต่เดี๋ยวก่อนนะคะคุณขาเพราะไขมันที่จะกล่าวถึงนี้มีดีจริง ๆ เป็นไขมันที่ได้รับความสนใจและมีมากในปลาทะเลนั่นคือ ไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ประกอบด้วย ดีเอชเอ (DHA : Docosahexaenoic Acid) และ อีพีเอ (EPA : Eicosapentaenoic Acid)
คุณสมบัติของเจ้าโอเมก้า-3 ที่ทำให้เป็นที่สนอกสนใจของใคร ๆ อยู่ตรงที่สามารถลดไขมันที่เรียกว่า ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาไขมันอุดตันในหลอดเลือด บ่อเกิดของโรคหัวใจขาดเลือดและสมองขาดเลือดนั่นเองค่ะ และถ้าคุณอยากรับประทานปลาเพื่อป้องกันโรคดังกล่าวล่ะก็ คุณหมอแนะนำว่าให้รับประทานปลาทะเลอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 1 ขีด ความจริงในปลาน้ำจืดก็มีโอเมก้า-3 แต่มีน้อยกว่า
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของโอเมก้า-3 คือ ช่วยเพิ่มเอชดีแอล (HDL : High Density Lipoprotein) ซึ่งทำหน้าที่นำคลอเลสเตอรอลที่สะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดแดงออกมาทำลาย และช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ มีประโยชน์ขนาดนี้เริ่มมีใจให้ไขมันกันแล้วใช่ไหมคะ ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะโอเมก้า-3 มีผลดีต่อสมอง จอตา การมองเห็น สติปัญญา และเชื่อกันว่าโอเมก้า-3 อาจจะช่วยลดการอักเสบหรือช่วยในการรักษาโรคบางโรคได้ เช่น สามารถช่วยลดอาการบวมและอาการอักเสบในโรครูมาตอยได้ ส่วนการรักษาโรคแอลอียังอยู่ในขั้นวิจัยแต่ก็มีแนวโน้มที่ดี
casinoนอกจากนี้ยังมีผลวิจัยว่าสารดีเอชเอ มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองโดยเฉพาะในส่วนของความจำ และการเรียนรู้ ทำให้เกิดการเรียนรู้ได้ดีขึ้น และพบว่าเด็กที่กินนมแม่ฉลาดกว่าเด็กที่กินนมขวด เพราะในนมแม่มีดีเอชเอ ปัจจุบันจึงเริ่มมีการคิดค้นกรรมวิธีที่จะนำดีเอชเอใส่เข้าไปในนมผสมเพื่อเลียนแบบนมแม่บ้าง ส่วนที่เชื่อกันว่าโอเมก้า-3 ช่วยให้ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์สมองดีขึ้นนั้น ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน