คอกกั้นเด็ก คือไอเท็มสำคัญระดับต้นๆ ที่พ่อแม่ยุคใหม่ไม่มีไม่ได้ เพราะเว้นแต่จะช่วยปกป้องความไม่เป็นอันตรายแต่ยังช่วยวิวัฒน์พัฒนาการของลูกน้อยได้ เช่น คลาน นั่ง หรือเกาะเดิน แต่ทั้งนี้การใช้คอกกั้นเด็กไม่ได้มีแค่ข้อดีแต่เพียงอย่างเดียวยังมีผลข้างเคียงบางอย่างที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม ดังนี้:
คอกกั้นเด็ก มีขนาดเหมาะสมหรือไม่ โดยจำเป็นต้องไม่เล็กกว่าเตียงนอนของลูกน้อย ก็เพราะว่าคอกกั้นเด็กเป็นพื้นที่สำหรับฝึกคืบ คลาน เดิน และนอน การให้ลูกอยู่ในคอกกั้นขนาดเล็กเกินไปเป็นการจำกัดความเจริญด้านการเคลื่อนไหวของลูก
คอกกั้นเด็กควรมีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือทรงกลม
คอกกั้นเด็กควรเป็นแบบตาข่าย เบาะ หรือซี่กรงที่ทำจากไม้ หรือพีวีซีที่บุนิ่มเพื่อกันการกระแทก
ผิววัตถุคอกกั้นเด็กควรเป็นชนิดที่ทำความสะอาดง่าย ปลอดภัยได้มาตรฐานการผลิต และที่สำคัญต้องปลอดสารพิษ เช่น สารปิโตรเลียม สารธาเลตที่อยู่ในหนังเทียมหรือพีวีซี เพราะลูกอาจเลีย หรือกัดวัสดุเหล่านี้ได้
ไม่ควรให้ลูกน้อยอยู่ในคอกกั้นเด็กเพียงลำพังเกินวันละ 30 นาที เนื่องจากจะทำให้เด็กขาดการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาโดยตรง และอาจรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง แต่ถ้าพ่อแม่อยู่กับลูกในคอกกั้นเด็กจะอยู่ในนั้นนานเท่าไหร่ก็ได้
ห้ามใช้คอกกั้นเด็กเป็นพื้นที่ลงโทษหรือกักบริเวณเวลาลูกน้อยทำผิด เนื่องจากเด็กจะรู้สึกกลัวหรือขยาดคอกกั้นเด็ก พ่อแม่ควรทำให้ลูกรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ในคอกกั้นอย่างมีความสุข เช่น ได้เล่นกับพ่อแม่ เป็นต้น
อายุของลูกน้อยที่พอเหมาะสำหรับการอยู่ในคอกกั้นเด็กคือตั้งแต่ 3 เดือนจนถึงประมาณ 2 ขวบ
ห้ามใช้คอกกั้นเด็กเมื่อลูกอยู่ในวัยที่สามารถปีนคอกได้แล้ว เนื่องจากอาจพลัดตกจนเกิดอุบัติเหตุได้
ฝึกให้ลูกอยู่กับคอกกั้นเด็กได้นานขึ้นด้วยการหาของเล่นชิ้นใหม่ หรือกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อให้สนุกและชินกับการอยู่ในคอก และห้ามรีบนำลูกออกจากคอกกั้นเด็กทันทีที่ลูกร้องขอ หรือส่งสัญญาณเบื่อตั้งแต่ครั้งแรกๆ
ฝึกให้ลูกได้มีช่วงเวลาหรือทำกิจกรรมนอกคอกกั้นเด็กด้วย เพื่อฝึกพัฒนาการ เช่น การปีน การจับสัมผัสสิ่งของ แต่ต้องมีพ่อแม่คอยดูแลตลอดเวลา รวมทั้งยังใช้โอกาสนี้ในการสอนถึงอันตรายของจุดต่างๆ ภายในบ้าน เช่น มุมโต๊ะ ปลั๊กไฟ พัดลม รวมทั้งของชิ้นเล็กๆ ที่ลูกน้อยอาจหยิบเข้าปากแล้วสำลักลงหลอดลมเป็นอันตรายได้
Tags : คอกกั้นเด็ก กั้นเตียง