กรุงเทพฯ 31 พฤษภาคม 2553: ในงานสัมมนา อินเตอร์เนชั่นแนล ซูเปอร์คอมพิวติ้ง คอนเฟอร์เรนซ์ (International Supercomputing Conference ISC) บริษัท อินเทล คอร์ปอเรชั่น ประกาศว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม อินเทลTM เมนี อินทิเกรทเตด คอร์ (Intel ® Many Integrated Core หรือ Intel MIC) เพื่อ นำไปสร้างแพลตฟอร์มที่สามารถคำนวณคำสั่งได้หลายล้านล้านคำสั่งต่อ วินาที พร้อมกับยังคงคุณสมบัติต่างๆ ที่ได้จากโปรเซสเซอร์มาตรฐานของอินเทลไว้ อย่างครบถ้วน
ผลิตภัณฑ์รุ่นแรกที่ใช้ชื่อรหัสว่า 'ไนท์ คอร์เนอรส์' (Knights Corners) ตั้งเป้าเจาะ ตลาดระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูงอาทิการสำรวจ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หรือการประเมิณสภาพอากาศและการเงิน เป็นต้น ผลิตภัณฑ์รุ่นนี้จะใช้ขั้นตอนการผลิต 22 นาโนเมตรของอินเทล และใช้โครงสร้างทรานซิสเตอร์ที่มีขนาดเท่ากับ 1 ใน 22 พันล้านเมตร รวมทั้งจะใช้กฎของมัวร์เพื่อบรรจุคอร์ประมวลผลของอินเทลมากกว่า 50 คอร์ลงไปในชิปเพียงตัวเดียวอีกด้วย ในขณะที่ปริมาณงานส่วนใหญ่จะถูกจัดการ โดยอินเทล ® ซีออน ® โปรเซสเซอร์ ซึ่งได้รับรางวัลมาแล้วมากมายได้อย่างดี สถาปัตยกรรม Intel MIC จะช่วยให้แอพลิเคชันที่ประมวลผลแบบคู่ขนานบางตัวทำ งานได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ในขณะนี้อินเทลได้เริ่มส่งผลิตภัณฑ์ ที่เป็นชุดออกแบบและพัฒนา ที่มีชื่อรหัสว่า 'ไนท์ เฟอร์รี่' (Knights Ferry) ไปให้นักพัฒนาบางส่วนแล้ว จากนั้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 เป็นต้นไป อินเทลจะขยายขอบเขตของโค รงการเพื่อมอบเครื่องมือสำหรบพัฒนาที่หลากหลายมากขึ้นสำหรับนักพัฒนา ที่จะนำไปใช้กับโครงสร้าง Intel MIC ในขณะที่เครื่องมือซอฟต์แวร์ของอินเทลและ เทคนิคการปรับแต่งประสิทธิภาพแบบพื้นฐานระหว่างสถาปัตยกรรม Intel MIC และอินเทล® ซีออน® โปรเซสเซอร์จะสามารถรองรับโมเดลการเขียนโปรแกรมที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และวิศวกรสามารถสร้างงานได้รวด เร็วขึ้น พร้อมๆ กับรักษาการลงทุนด้านซอฟต์แวร์ที่มีอยู่เดิมเอาไว้ได้ด้วย สถาปัตยกรรม Intel MIC เป็นผลมาจากหลายโครงการของอินเทลอาทิ ลาร์ราบี (Larrabee) และโครงการวิจัยของอินเทลแลปอย่าง Single-chip Cloud Computer เป็นต้น
สเวอร์ ยาร์ป ซีทีโอของห้องปฏิบัติ การณ์เปิดของ เซิร์น (CERN) กล่าวว่า "ทีมงานห้องปฏิบัติการณ์เปิดของเซิร์นสามารถย้าย โปรแกรมวัดประสิทธิภาพแบบคู่ขนานที่ซับซ้อนซึ่งเขียนขึ้นโดยใช้ ภาษาซี++ไปเป็นแพลตฟอร์มพัฒนาซอฟต์แวร์ Intel MIC ได้ภายในเวลาแค่ไม่กี่วันเท่านั้น การใช้โมเดลการเขียนโปรแกรมระดับฮาร์ดแวร์ที่พวกเขาคุ้นเคยช่วยทำ ให้เราปรับแต่งให้ซอฟต์แวร์ใช้การได้เร็วกว่าที่คาดเอาไว้"
เคิร์ก สกาวเกิน รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ กล่าวว่า "โปรเซสเซอร์ อินเทล® ซีออน® และในตอนนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สถาปัตยกรรม Intel® Many Integrated Core จะเข้ามาช่วยขยายขอบเขตของระบบงานด้านวิทยา ศาสตร์และการค้นพบต่างๆให้กว้างไกลยิ่งขึ้น ขณะที่อินเทลกำลังเร่งพัฒนาโซลูชันเพื่อนำมาใช้ไขปัญหาที่มีความ ท้าทายมากที่สุดของมวลมนุษยชาติอยู่ สถาปัตยกรรม Intel ® MIC จะเข้ามา เสริมศักยภาพของผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น HPC ชั้นนำของอินเทลที่ปัจจุบันมีการใช้งาน ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ชั้นนำของโลกเกือบร้อยละ 82 แล้ว การลงทุนของเราในปัจจุบันเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าอินเทลมีความตั้งใจ จริงที่เติบโตไปพร้อมกับชุมชนระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูงทั่วโลก"
สุดยอด 500 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์
รายชื่อสุดยอดซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 500 อันดับแรก ฉบับที่ 35 ที่ประกาศในงาน ISC ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าอินเทลยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกเลือกสำหรับระบบ ประมวลผลประสิทธิภาพสูง โดยมีซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 408 รุ่นหรือเกือบร้อยละ 82 ที่ใช้โปรเซสเซอร์ของอินเทล และมีคอมพิวเตอร์แบบคว๊อดคอร์มากกว่าร้อยละ 90 ใช้โปรเซสเซอร์ของอินเทล รวมทั้งมีการนำเอาอินเทล® ซีออน® โปรเซสเซอร์ ซีรี่ส์ 5500 ไปใช้เพิ่มขึ้นสองเท่าหรือเท่ากับคอมพิวเตอร์ 186 รุ่น นอกจากนั้นมีซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 3 รุ่นที่ติด 10 อันดับแรกที่ใช้ชิปของอินเทล รวมทั้งคอมพิวเตอร์ 4 ใน 5 รุ่นใหม่ที่เพิ่งติด 30 อันดับแรกอีกด้วย นอกจากนั้นมีคอมพิวเตอร์ 7 รุ่นที่มีอินเทล® ซีออน® โปรเซสเซอร์ ซีรี่ส์ 5600 ที่มี ชื่อรหัสว่า 'เวสท์เมียร์ อีพี' (Westmere-EP) ที่เพิ่งเริ่มจำหน่ายไปได้ไม่นานนัก และคอมพิวเตอร์อีกสองรุ่นที่มีอินเทล® ซีออน® โปรเซสเซอร์ ซีรี่ส์ 7500 ที่มีชื่อรหัสว่า 'เนฮาเล็ม อีเอ็กซ์ ' (Nehalem -EX) อีกด้วย
อินเทล® ซีออน® โปรเซสเซอร์ ซีรี่ส์ 5600 มีบทบาทสำคัญอย่างมากในกลุ่มคอมพิวเตอร์ที่ได้อันดับสูงสุดจากจีน ในประวัติศาสตร์ของการจัดอันดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 500 อันดับแรก คอมพิวเตอร์ที่ได้อันดับสองติดตั้งอยู่ที่ National Supercomputing Center (NSCS) ศูนย์กลางการวิจัยและนวัตกรรมในจีน ที่เมืองเสิ่นเจิ้น คอมพิวเตอร์รุ่นนี้ผ่านการทดสอบ Linpack โดยได้ คะแนนที่ 1.2 พีตาฟล็อป (petaflops) เท่ากับคอมพิวเตอร์รุ่น Dawning TC3600
การประกาศรายชื่อสุดยอด 500 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่จัดทำทุกๆครึ่งปีเป็นผลงานของฮาส มูเออร์แห่งมหาวิทยาลัยแมนไฮม์ อีริก สโตรไมเออร์และโฮสต์ ไซมอนแห่งศูนย์ประมวลผลด้านวิทยาศาสตร์เพื่อการวิจัยพลังงานแห่ง ชาติ กระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกา และแจ็ก ดอนการ์รา แห่งมหาวิทยาลัยเทนเนสซี คุณสามารถเรียกดูรายงานฉบับสมบูรณ์ได้ที่
www.top500.orgห้องทดลองแห่งใหม่
เพื่อเป็นการสนองตอบต่อความต้องการ ของระบบงาน simulation ขนาดใหญ่ในการประมวลผลระดับพีตาฟล็อปและเอ็กซาฟล็อป (exaflops) ด้วยเหตุนี้อินเทล Forschungszentrum Julich (FZJ) และ ParTec จะ เปิดตัวโครงการเพื่อสร้างห้องปฏิบัติการแห่งใหม่ที่ชื่อ ExaCluster Laboratory (ECL) ที่ Julich ซึ่ง เป็นโครงการที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินงานหลายปี ห้องปฏิบัติการแห่งนี้จะพัฒนาเทคโนโลยี เครื่องมือ และวิธีการหลักๆ เพื่อใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลระดับพีตาฟล็อปและเอ็ก ซาฟล็อป โดยเน้นไปที่ความสามารถในการขยายระบบและความยืดหยุ่นของ คอมพิวเตอร์เหล่านี้ ECL จะกลายเป็นสมาชิกล่าสุดของ Intel Labs Europe ซึ่งเป็นเครือข่ายศูนย์วิจัยและนวัตกรรมที่กระจายอยู่ ทั่วยุโรป
ชมเว็บคาสต์ ของเคิร์ก สกาวเดนในการบรรยายในงาน International Supercomputing 2010 ได้ที่
http://lecture2go.uni-hamburg.de/liveเกี่ยวกับอินเทล
อินเทล เป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมการประมวลผล รวม ทั้งการออกแบบ และสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เป็นพื้นฐานการพัฒนาอุปกรณ์ประมวลผล ระดับโลก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอินเทล สามารถดูได้ที่
www.intel.com/pressroom ,
www.intel.com/th, blogs.intel.com, ทวิตเตอร์ @Intelthailand และ เฟสบุ๊ค IntelThailand
คลิกเพื่ออ่านฉบับเต็ม!