สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ซึ่งนำโดยนายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ กกพ., ได้ประกาศมติในการประชุมครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 เกี่ยวกับการกำหนดค่าเอฟที (FT) สำหรับการขายปลีกในงวดเดือน ม.ค. - เม.ย. 2567 ที่ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย โดยมีการปรับปรุงวิธีการคำนวณตามมาตรการที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.).
การปรับปรุงค่าไฟฟ้าตามขั้นตอนการประเมินค่าเอฟทีเบื้องต้น: กกพ. ได้กำหนดค่าเอฟทีเบื้องต้นที่ 89.55 สตางค์ต่อหน่วยในการประชุมครั้งที่ 53/2566 ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย.
การปรับลดตามมาตรการของ กฟผ.: กฟผ. รับภาระเงินคงค้างสะสม 15,963 ล้านบาท ทำให้ค่าเอฟทีลดลง 25.37 สตางค์ต่อหน่วย และค่าไฟฟ้าลดลงเป็น 4.43 บาทต่อหน่วย.
การปรับลดราคา Spot LNG: การปรับประมาณการราคา Spot LNG ทำให้ราคา Pool Gas ลดลง และส่งผลให้ค่าเอฟทีลดลง 9.98 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.34 บาทต่อหน่วย.
การปรับปรุงราคาก๊าซธรรมชาติ: การปรับปรุงราคาก๊าซธรรมชาติใน Pool Gas ทำให้ค่าเอฟทีลดลง 10.01 สตางค์ต่อหน่วย และค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 4.23 บาทต่อหน่วย.
การเรียกเก็บ Shortfall จาก ปตท.: การส่งผ่านเงิน Shortfall จำนวน 4,300 ล้านบาทจาก ปตท. ช่วยให้ค่าเอฟทีลดลง 4.47 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเป็น 4.18 บาทต่อหน่วย.
มาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าจากครม.ครม. ได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าเป็น 3.99 บาทต่อหน่วยสำหรับงวดเดือน ม.ค. - เม.ย. 2567 ซึ่งจะใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีของ พ.ศ. 2567 จากงบกลาง, รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจากคณะรัฐมนตรี ด้วยวงเงินรวม 1,950 ล้านบาท.
การปรับปรุงค่าไฟฟ้าครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของ กกพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและความพยายามในการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน.
ค่าไฟฟ้าขอบคุณบทความจาก :
https://onlinecartoonist.com/Tags : บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ,หวยออมสิน,เงินดิจิทัล