iqpressrelease
|
|
« เมื่อ: 29 ตุลาคม 2017, 11:08:54 » |
|
- เดินหน้าจับมือเป็นพันธมิตรด้านนวัตกรรม 5G กับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในยุโรป
ZTE Corporation ( 0763.HK / 000063.SZ ) ผู้ให้บริการรายใหญ่ของโลกในด้านโซลูชั่นโทรคมนาคม เทคโนโลยีระดับองค์กร และเทคโนโลยีผู้บริโภคสำหรับแวดวงอินเทอร์เน็ตมือถือ เปิดเผยผลกำไรสุทธิทะยานขึ้น 36.58% แตะที่ 3.905 พันล้านหยวนในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี
รายงานผลประกอบการของ ZTE ระบุว่า รายได้งวด 9 เดือนแรกปรับตัวขึ้น 7.01% แตะที่ 7.6580 หมื่นล้านหยวน ขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นแตะ 1.036 พันล้านหยวนในไตรมาส 3/2560
รายจ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาของ ZTE เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.197 พันล้านหยวนในช่วง 9 เดือนแรก หรือคิดเป็นสัดส่วน 12% ของรายได้ ทั้งนี้ ZTE ได้เพิ่มการลงทุนในด้านนวัตกรรมใหม่ๆ อาทิ เทคโนโลยี 5G, IoT และชิป ซึ่งส่งให้บริษัทสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคนิคสุดล้ำมากมาย อาทิ ชิป NB-IoT ที่ ZTE เป็นผู้พัฒนาขึ้นด้วยตัวเอง, แพลตฟอร์มแฟลกชิป T-grade 5G ตัวแรกของอุตสาหกรรม, แพลตฟอร์มชนิดข้ามแพลตฟอร์มประสิทธิภาพสูงซึ่งใช้เทคโนโลยีการส่งข้อมูลแบบออพติคอลตัวแรกของอุตสาหกรรม รวมถึงการเปิดตัวสมาร์ทโฟนฝาพับรุ่น Axon M ในสหรัฐและญี่ปุ่น นอกจากนี้ ZTE ยังผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการต้นแบบ SPN ในด้านผู้ให้บริการ 5G ของ China Mobile และได้เปิดตัวแพลตฟอร์มคลาวด์ Carrier DevOps Builder สำหรับให้บริการเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกซึ่งได้รับรางวัล "ออสการ์" จากการประชุม SDN NFV Global Conference อีกด้วย
ด้วยแรงหนุนจากการเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี 5G และการจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการสัญชาติยุโรปยักษ์ใหญ่ ZTE จึงได้ประกาศการเป็นพันธมิตรด้านนวัตกรรมกับบริษัท Orange อีกทั้งยังได้จับมือกับ Wind Tre และ Open Fiber ในการวางเครือข่าย 5G ย่านความถี่ 3.6-3.8 GHz ก่อนเป็นเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ (pre-commercial) ครั้งแรกของยุโรป ขณะเดียวกัน ทางบริษัทยังได้ผนึกกำลังกับ Telenet Belgium สำหรับการเปิดตัวแอปพลิเคชัน FDD Massive MIMO ในยุโรป และประสบความสำเร็จในการส่งสัญญาณที่ระดับความเร็วสูงสุด 1 Gbps ในการทดสอบ Pre5G Massive MIMO Test กับ SoftBank
ทั้งนี้ ทางบริษัทคาดการณ์ว่า ผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนจะพุ่งขึ้นแตะที่ 4.3-4.8 พันล้านหยวนในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นทั้งเครือข่ายของผู้ให้บริการ และธุรกิจผู้บริโภค
ส่วนธุรกิจ Wireless Networks นั้น ZTE ได้ขยายเครือข่าย Pre5G กว่า 60 แห่งในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงเครือข่าย SDN/NFV เพื่อการพาณิชย์และการทดลองใช้ฟรีอีกกว่า 280 เครือข่าย นอกจากนี้ ZTE ยังได้เดินหน้าบุกตลาดยุโรปอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี 5G ขณะเดียวกัน ทางบริษัทได้จับมือกับผู้ให้บริการสัญชาติฝรั่งเศสอย่าง Orange, บริษัท Telenet จากเบลเยียม, บริษัท Wind Tre และ Open Fiber จากอิตาลี ร่วมด้วยผู้ให้บริการสัญชาติยุโรปอีกหลายแห่ง และบริษัท Softbank ของญี่ปุ่น ในการวางเครือข่าย 5G ในระดับโลก
ในช่วงเฟส 2 ของการทดสอบเทคโนโลยี 5G ของจีน ZTE ได้ทำลายสถิติโลกในหลายด้าน ทั้งในแง่ของอัตราส่งข้อมูล การเชื่อมต่อในวงกว้าง และอัตราความหน่วงต่ำ นอกจากนี้ ด้วยความร่วมมือกับ China Mobile และ Qualcomm ทางบริษัทยังได้เปิดให้บริการทดลองเทคโนโลยี 5G ความถี่ต่ำ IoDT ตามมาตรฐาน 3GPP R15 ตัวล่าสุดอีกด้วย
ในด้านธุรกิจ Wireline Networks นั้น ZTE ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มแฟลกชิป T-grade 5G ซึ่งส่งผลให้เทคโนโลยี FlexE Tunnel ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ZTE ยังเป็นรายแรกที่บรรลุการทดสอบการนำส่งสัญญาณระยะเวลาแฝงต่ำบนเครือข่ายนำส่งข้อมูลออพติค (OTN) 5G และผ่านการทดสอบห้องปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์ต้นแบบ SPN แบบ CMCC 5G ขณะเดียวกัน ในแวดวงการนำส่งสัญญาณออพติค ZTE ได้เปิดตัว "Next Generation 256T Ultra-large Cross Platform" ที่ใช้เทคโนโลยีการนำส่งข้อมูลออพติค เป็นแพลตฟอร์มแรกในอุตสาหกรรม
ในด้านเทคโนโลยีเกิดใหม่ อาทิ IoT, ชิป คลาวด์คอมพิวติ้ง และบิ๊กดาต้า ZTE ได้พัฒนา IoT OS&SDK รุ่นใหม่ เพื่อลดความยุ่งยากในการพัฒนาและทดสอบแอปพลิเคชั่นสำหรับผู้ผลิตขั้นปลาย
ระบบปฏิบัติงานเรียลไทม์แบบฝังตัวของ ZTE ถูกนำไปใช้ใน "ฟู่ซิง" รถไฟหัวกระสุนความเร็วสูง 350 กม./ชม. นอกจากนี้ ZTE ได้เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์สถานีปลายทางที่จอดอัจฉริยะเพื่อการพาณิชย์แบบ all-band ซึ่งถือเป็นการบุกเบิกการใช้ระบบที่จอดอัจฉริยะเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยี NB-IoT
ZTE เป็นผู้ให้บริการอันดับหนึ่งที่บรรลุการทดสอบทุกขอบเขตของผู้ให้บริการ 3 รายในจีน โดยสนับสนุน China Telecom สร้างเครือข่ายเพื่อการพาณิชย์เครือข่ายแรกของโลกที่มีความครอบคลุมกว้างที่สุด และครองอันดับหนึ่งในโครงการจัดซื้อ 31 มณฑลของ China Mobile ในไตรมาสที่ 3 ขณะเดียวกัน โซลูชั่นบิ๊กวิดีโอ PVP ของ ZTE ได้ถูกนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ในอินเดีย แอฟริกาใต้ และแคนาดา
|