นักออกแบบของ Infineon เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับใช้งานกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อาทิ เครื่องซักผ้า คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นกินไฟต่ำ และตัวขับสำหรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการประสิทธิภาพสูง ตลอดจนไดร์เป่าผม เครื่องดูดควันในห้องครัว พัดลมเพดาน และพัดลมเครื่องปรับอากาศที่ต้องการพื้นที่ติดตั้งที่เล็กลง โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถลดต้นทุนการผลิตและการใช้พลังงานลงอีก ทั้งยังเพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบอีกด้วย
CIPOS(TM) Tiny – โมดูลอินเวอร์เตอร์ 3 เฟส เป็นอุปกรณ์ Intelligent Power Module (IPM) รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีความหนาแน่นกำลังไฟสูงที่สุดสำหรับตัวปรับความเร็วรอบมอเตอร์
CIPOS(TM) Micro IM231 series – ตระกูลอุปกรณ์ IPM ขนาด 600 V เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นในอากาศสูง ผ่านการทดสอบการต่อวงจรแบบไบแอสกลับ (reverse bias) ที่มีกระแสไฟฟ้าแรงสูง อุณหภูมิสูง และความชื้นสูง (HV H3TRB) เป็นเวลา 1000 ชั่วโมง สามารถรองรับการใช้งานกับวงจรขับมอเตอร์ในปั๊มน้ำหมุนเวียนหรือปั๊มน้ำทิ้งสำหรับเครื่องซักผ้าและเครื่องล้างจานได้อย่างดีเยี่ยม
iMOTION(TM) IMM100 series – วงจรขับมอเตอร์ที่รวมตัวควบคุมมอเตอร์และอินเวอร์เตอร์ เฟส 3 ไว้ในแพคเกจ PQFN ขนาดกะทัดรัด 12 x 12 mm2 เพียงแพคเกจเดียว จึงทำให้ลดจำนวน BOM และลดขนาด PCB ลงได้ ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนการผลิต ตลอดจนลดงานวิจัยและพัฒนา (R&D) นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ IC ตระกูลนี้ยังมีจุดเด่นอยู่ที่การผนวกรวมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจำเป็นต่อตัวขับมอเตอร์ BDLC ขนาดสูงสุด 80W โดยที่ไม่ต้องใช้แผ่นระบายความร้อน
คุณสมบัติเด่น
ทั้ง CIPOS Tiny และ CIPOS Micro IM231 series มาพร้อมวงจรขับมอเตอร์ TRENCHSTOP(TM)6 IGBT รุ่นล่าสุด และความสามารถในการสลับกระแสไฟฟ้าที่ดียิ่งขึ้น เพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น และ EMI ที่ลดลง
ขณะที่ CIPOS IM231 series มอบประสิทธิภาพ ความทนทาน การปกป้อง และใช้งานง่าย พร้อมด้วยคุณสมบัติป้องกันการทำงานพร้อมกันในเฟสเดียว ซึ่งช่วยป้องกันการเปิดอุปกรณ์ IGBT ทั้งด้านสูงและด้านต่ำพร้อมกัน อันเนื่องมาจากการทำงานผิดพลาดของไมโครคอนโทรลเลอร์ หรือเสียงรบกวนจากภายนอก โดยสามารถติดตั้งอุปกรณ์ IPM ในแอปพลิเคชั่นการใช้งานรูปแบบต่าง ๆ ทั้งแบบที่มีแผ่นระบายความร้อน หรือไม่มีแผ่นระบายความร้อนก็ได้ ซึ่งจะดันกำลังไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 450 W นอกจากนั้น ยังสามารถรองรับการใช้ไฟที่หลากหลาย ตั้งแต่ 100-230 VAC ด้วยแพคเกจ IPM แบบเดียวกัน และดีไซน์ PCB ที่เหมือนกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการออกแบบ
ผลิตภัณฑ์ IMM100 series นำเสนอตัวแปรสองแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของวิศวกรออกแบบ และช่วยลดรอบเวลาการทำงานของฝ่าย R&D:
T-variant มีจุดเด่นอยู่อยู่ที่ FOC algorithm สุดล้ำ ซึ่งติดตั้งรวมอยู่ใน iMOTION MCE 2.0 (Motion Control Engine 2.0) ช่วยรองรับการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อการตั้งค่าและการปรับค่าต่าง ๆ ของระบบได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งยังช่วยเสริมการทำงานในระดับต่าง ๆ ของระบบโดยใช้ iMOTION scripting หรืออาจใช้การควบคุม PFC ร่วมด้วยก็ได้
A-variant ทำให้วิศวกรสามารถใช้ซอฟต์แวร์ควบคุมมอเตอร์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ได้ ด้วยการใช้ ARM(R)Cortex(R)-M0 MCU ที่ติดตั้งมาในตัว และสามารถตั้งโปรแกรมได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ วิศวกรออกแบบยังจะได้รับประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ที่ถูกรวมไว้อย่างสมบูรณ์ ทำให้อุปกรณ์ ARM(R) MCU IDE ที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมตัวนี้ สามารถรองรับขั้นตอนการออกแบบซอฟต์แวร์ การแปลภาษาโปรแกรม และการแก้จุดบกพร่องได้
ข้อมูลจำเพาะ
CIPOS Tiny ถูกติดตั้งมาในแพคเกจขนาด 34 x 15 mm2 ที่มีการป้องกันความร้อนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ฟอร์มแฟคเตอร์ Tiny SIP และ DIP ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดยังทำให้เหล่านักพัฒนาสามารถออกแบบกลไกของระบบได้อย่างยืดหยุ่น และยังมีมอนิเตอร์ควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ มีการป้องกันกระแสไฟเกิน และป้องกันไฟตก ซึ่งช่วยปกป้องระบบได้ในระดับสูง ทั้งยังสนับสนุนการทำงานที่ปลอดภัยแม้เกิดเหตุขัดข้อง ทั้งนี้ การใช้ IC แรงดันสูงรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ที่มาพร้อมความสามารถในการปรับเปลี่ยนระดับได้ถึง 3 เฟส จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความทนทานสูงสุด โดยวงจรขับเกต (gate driver) สามารถใช้งานได้กับเอาท์พุท 3.3 V
ผลิตภัณฑ์ในตระกูล CIPOS IM231 series มาพร้อมแรงดันไฟฟ้า 2 kV จึงสามารถแยกแรงดันไฟฟ้าที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน UL1557 สูงสุดในประเภทเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ในตระกูลนี้ประกอบด้วย 4 A (IM231-M6S1B,IM231-M6T2B) และ 6 A (IM231-L6S1B, IM231-L6T2B) และเพื่อตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างเหมาะสมที่สุด CIPOS Micro IM231 จึงมาในรูปของฟอร์มแฟคเตอร์ทั้งแบบ through-hole (THD) และแบบ surface mount (SMD) และเนื่องจากมีการติดตั้งอุปกรณ์เทอร์มิสเตอร์ NTC ที่ผ่านการรับรอง UL มาแล้ว ตลอดจนคุณสมบัติในการป้องกันการลัดวงจร และการป้องกันกระแสไฟเกินได้อย่างแม่นยำโดยมีค่าความแม่นยำสูงที่ +/-5 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงคุณสมบัติในการรายงานความผิดพลาด จึงทำให้นักพัฒนาสามารถออกแบบระบบต่าง ๆ ได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น
