หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การทำงานแบบไฮบริดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานได้จริง แต่ก็กดดัน  (อ่าน 695 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
iqpressrelease
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3688


อีเมล์
« เมื่อ: 02 กันยายน 2021, 14:21:44 »

ผลการวิจัยจาก Adecco Group เผยการทำงานแบบไฮบริดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานได้จริง แต่สร้างแรงกดดันต่อทั้งพนักงานและหัวหน้า


ภาวะปกติใหม่คือการทำงานแบบผสมผสาน และวิธีการทำงานนี้อาจทำให้ต้องคิดหาวิธีการวัดและจัดการผลการปฏิบัติงานของพนักงานในรูปแบบใหม่

53% ของคนงานทั่วโลกต้องการรูปแบบการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งสามารถเลือกทำงานทางไกลได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของวันทำงานปกติ
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน โดย 82% รู้สึกว่า พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
จำนวนชั่วโมงการทำงานเกินเวลาปกติเพิ่มขึ้น 14% ในปีที่แล้ว โดยมากกว่าครึ่งของผู้นำรุ่นใหม่ยอมรับว่า พวกเขาเผชิญกับภาวะเบิร์นเอาท์
พนักงานและผู้นำ 73% เรียกร้องให้ประเมินจากผลลัพธ์มากกว่าจำนวนชั่วโมงการทำงาน ขณะที่ผู้จัดการเพียง 36% เท่านั้นที่ประเมินประสิทธิภาพตามผลลัพธ์
ความพึงพอใจในผู้นำอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ผู้นำขาดการเชื่อมต่อกับพนักงานมากขึ้น โดยมีเพียง 1 ใน 3 ของพนักงานระดับปฏิบัติการที่รู้สึกว่า พวกเขาได้รับการยอมรับอย่างเหมาะสมจากบริษัท
ออสเตรเลียมีความกังวลเกี่ยวกับการกลับมาทำงานที่สำนักงานมากที่สุด (53%) ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร (52%) และแคนาดา (51%)
ผลการวิจัยฉบับใหม่เผยให้เห็นว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อรูปแบบการปฏิบัติงานและทัศนคติต่อการทำงานของเรา โดยทั้งพนักงานและผู้นำต่างเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการและสถานที่ทำงานอย่างต่อเนื่องและถาวร ตลอดจนวิธีวัดผลการปฏิบัติงาน

Adecco Group บริษัทโซลูชันทรัพยากรบุคคลชั้นนำของโลก เปิดเผยผลการศึกษาระดับโลกฉบับล่าสุดและมีความครอบคลุมสูงสุดในหัวข้อ Resetting Normal: Defining the New Era of Work ซึ่งได้ประเมินทัศนคติต่อการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดช่วง 12 เดือน และเน้นย้ำถึงปัญหาสำคัญที่บริษัทต้องจัดการเพื่อให้ปรับตัวในช่วงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ระยะเวลา 1 ปีหลังจากที่โลกเผชิญกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิธีการทำงานของเราไปตลอดกาล โดยรายงานฉบับนี้ต่อยอดจากการวิจัยของบริษัทในปี 2563 โดยเน้นที่แนวโน้มสำหรับปี 2564 และปีต่อ ๆ ไป พร้อมขยายการวิจัยให้ครอบคลุม 25 ประเทศ และผู้ตอบแบบสำรวจซึ่งเป็นพนักงานออฟฟิศ 15,000 คนทั่วโลก

Alain Dehaze ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Adecco Group กล่าวว่า "สำหรับผู้ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศเพื่อทำงาน เห็นได้ชัดว่าเราจะไม่กลับมาทำงานที่สำนักงานแบบเดิมอีก และอนาคตของการทำงานคือต้องยืดหยุ่น โควิด-19 ได้เร่งให้เทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่นั้นมาถึงจุดที่เราจะละเลยไม่ได้ และความสำเร็จในอนาคตขึ้นอยู่กับบุคคลและผู้นำที่ปรับตัวเข้ากับเรื่องเหล่านี้"

การวิจัยของเราแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า "รูปแบบเดียวกันไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน" เมื่อพูดถึงการตอบสนองความต้องการของพนักงาน และเราเห็นผู้นำที่ดิ้นรนเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการทำงานระยะไกลและการดูแลทีมของพวกเขา ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเริ่มลดช่องว่างนี้ด้วยการพัฒนาและเตรียมผู้นำและพนักงานให้มีทักษะและความสามารถที่จำเป็นในการสร้างแรงจูงใจ และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เหนียวแน่น ซึ่งช่วยรักษาและพัฒนาแรงงานที่ประสบความสำเร็จ ยืดหยุ่น และแข็งแรง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ "น่าจะมี" อีกต่อไป แต่เป็นการต่อสู้เพื่อการแย่งชิงแรงงานที่มีความสามารถมาร่วมองค์การ บริษัทที่สามารถและเต็มใจที่จะรับรู้และจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้จะเจริญรุ่งเรืองต่อไป และบริษัทที่ทำไม่ได้ก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ด้วยข้อมูลเชิงลึกจากการใช้กลยุทธ์ Future@Work ควบคู่ไปกับขอบเขตในระดับโลกของเรา  Adecco Group จึงอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการพัฒนาและปรับใช้โซลูชันเพื่อคว้าโอกาสและรับมือกับความท้าทายที่มีพลวัตนี้

ข้อค้นพบที่สำคัญของงานวิจัย :

ยังคงมีการทำงานแบบไฮบริด แต่ความยืดหยุ่นคือกุญแจสำคัญ

ผลการวิจัยเผยให้เห็นว่า พนักงานส่วนมากทั่วโลก (53%) ต้องการรูปแบบการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งสามารถเลือกทำงานทางไกลได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของวันทำงานปกติ โดยพนักงานส่วนใหญ่ (71%) มีอุปกรณ์ครบที่บ้าน ซึ่งจะช่วยให้การทำงานทางไกลมีประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลา 18 เดือนที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า การทำงานทางไกลไม่ได้ส่งผลให้เกิดการสูญเสียผลิตภาพ รวมถึงแนวทางการทำงานที่ครอบคลุมและยืดหยุ่นมากขึ้นสามารถทำได้ พนักงานกว่า 3 ใน 4 ต้องการคงความยืดหยุ่นตามตารางเวลาพวกเขา โดยจะกลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศ แต่ตามเงื่อนไขของตน และยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้ปกครองที่ต้องการทำงานที่ออฟฟิศมากขึ้น พนักงานที่มีลูกอยากทำงานในออฟฟิศ (51%) มากกว่าพนักงานที่ไม่มีลูก (42%)

ผลิตภาพและมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์

ขณะที่หลายคนได้รับประโยชน์จากการทำงานแบบไฮบริด แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนมีประสบการณ์ด้านดี คำถามเกี่ยวกับระยะเวลาของสัปดาห์การทำงานจะต้องได้รับการพูดถึง เนื่องจากอนาคตยังคงยืดหยุ่น โดยมีพนักงานพูดถึงการทำงานเกินเวลาปกติเพิ่มขึ้น 14% ในปีที่แล้ว และมากกว่าครึ่งของพนักงาน (57%) ระบุว่า พวกเขาสามารถทำงานในลักษณะเดียวกันในเวลาไม่ถึง 40 ชั่วโมง พนักงานและผู้นำส่วนใหญ่ (73%) เรียกร้องให้ประเมินจากผลลัพธ์มากกว่าจำนวนชั่วโมงการทำงาน ซึ่งเป็นแนวโน้มเดิมที่แข็งแกร่งอยู่แล้วในปี 2563

สุขภาพจิตย่ำแย่กลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

รายงานยังพบว่า เรามีความเสี่ยงที่จะสูญเสียผู้นำรุ่นใหม่ ซึ่งมากกว่าครึ่งของผู้นำรุ่นใหม่ (54%) เผชิญกับภาวะเบิร์นเอาท์ และ 3 ใน 10 ของพนักงานระบุว่า สุขภาพจิตและร่างกายของพวกย่ำแย่ลงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา บริษัทจะต้องทำการประเมินอีกครั้งว่า พวกเขาสามารถสนับสนุนและจัดหาทรัพยากรด้านความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่พนักงานได้อย่างไรภายในรูปแบบการทำงานแบบไฮบริด โดย 67% ของพนักงานระดับปฏิบัติการกล่าวว่า ผู้นำไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังในการตรวจสอบสภาพจิตใจของพวกเขา

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: