http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000137622“แอนนี่” น้ำตาแตก ถูกโทร.ขู่จะลักพาตัวลูกชาย “น้องทีฆายุ” หนี ร้องมูลนิธิเพื่อนหญิงช่วยประสานตำรวจผลัดกันมาเฝ้า ทั้งเตรียมฟ้อง “เฮียฮ้อ” ฐานหมิ่นประมาท ไม่หวั่นอิทธิพล และมั่นใจชนะคดีแน่
กำลังเจอมรสุมข่าวฉาวโจมตีอย่างหนัก สำหรับดาราสาว “แอนนี่ รุ่งนภา บรู๊ค” ซึ่งกำลังเครียดอย่างแรงกับการถูกตามล่าหาความจริง กรณีใครเป็นพ่อตัวจริงของ “น้องทีฆายุ” ลูกชายวัย 3 เดือนของเธอ หลัง “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” บิ๊กบอสอาร์เอส ออกมาแฉว่า ดาราสาวคบผู้ชาย 4 คนในเวลาเดียวกัน ซึ่ง 2 ใน 4 คือ นักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” กับดาราหนุ่ม “จุ๊น กิตติคุณ” ส่วนอีก 2 คนที่เหลือขออุบไว้ไม่เปิดเผย
ล่าสุด มีรายงานข่าวมาว่า ดาราสาวกำลังเจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งเครียดและผวา หลังถูกผู้ไม่หวังดีโทร.ขู่จะมาอุ้มลูกชายของเธอหนีไป จน “แอนนี่” ต้อง รีบติดต่อมูลนิธิเพื่อนหญิงให้เข้ามาช่วยเหลือ หลังทราบเรื่องทางทีมข่าว ASTV บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ จึงได้ตามติดไปสังเกตการณ์ที่คอนโดสวนธน ใน ซ.เสือใหญ่ ย่านรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นคอนโดที่ดาราสาวและลูกชายพักอาศัยอยู่ เมื่อไปถึงก็พบรถของมูลนิธิเพื่อนหญิง และรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน จอดอยู่
ซึ่งภายหลังหัวหน้าศูนย์พิทักษ์สตรีมูลนิธิเพื่อนหญิง “สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง” ก็ได้เข้ามาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ “แอนนี่” กำลังเครียดจัด ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะถูกข่าวฉาวรุมกระหน่ำ และมีสื่อมวลชนมาเฝ้าหน้าคอนโดทุกวัน ตนสงสารจึงอยากจะขอวิงวอนให้สื่อมวลชนเลิกตามดาราสาวได้แล้ว ซึ่งการเดินทางมาในวันนี้ ตนได้มาแนะนำให้ “แอนนี่” หยุดพูดให้ข่าวใดๆ ให้อยู่เฉยๆ แล้วทางมูลนิธิจะช่วยเหลือทางด้านกฎหมายเอง ตอนนี้อยู่ในช่วงให้ทนายดำเนินการกับคนที่เขียนข่าว หรือออกมาให้ข่าวทำให้ดาราสาวได้รับความเสียหายอยู่ ส่วนเรื่องโทรศัพท์ที่โทร.มาขู่จะลักพาตัว “น้องทีฆายุ” ไป “สุเพ็ญศรี” กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า มีโทร.มาจริง และไม่ให้ข้อมูลใดๆ อีก
เมื่อยังไม่ได้รับความกระจ่างในเรื่องดังกล่าวมากนัก ทางทีมข่าวจึงได้ต่อสายตรงไปหา “นายจะเด็จ เชาวน์วิไล” ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนหญิง และสอบถามถึงเรื่อง “แอนนี่” ถูกโทรศัพท์ขู่จะเอาลูกไป “นายจะเด็จ” เปิดเผยว่า เป็นเรื่องจริง ทางมูลนิธิจึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าไปช่วยดูแลดาราสาวที่คอนโด
“คือ มันจะมีคนหลากหลายที่โทร.เข้ามาหาเขา เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ เราก็ต้องหาทางออกช่วยเหลือกัน ซึ่งมันก็คงอาจจะมีคนไม่พอใจอยู่เยอะ เราก็ไม่รู้ว่าเป็นใครบ้างที่โทร.เข้าไป คุณแอนนี่ก็ไม่ได้เล่าว่าเป็นเสียงผู้ชาย หรือผู้หญิง แค่แจ้งว่า มีคนขู่จะเอาลูกไป เราก็ช่วยประสานตำรวจ สน.พหลโยธิน เพราะมันอยู่ในพื้นที่แถวนั้น แต่คุณแอนนี่ยังไม่ได้แจ้งความใดๆ เราแค่แจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าไปช่วยดูแลเป็นหลัก”
“พอโดนขู่เขาก็มีร้องไห้ออกมาเหมือนกัน เมื่อวานเขาก็เครียดจากหลายๆ เรื่อง จากการที่สังคม หรือคนที่ให้สัมภาษณ์ในเรื่องอดีตของเขา เขาก็รู้สึกกังวลในเรื่องนี้ แล้วมันอาจจะมีคนโทร.ไปหลากหลาย แน่นอนภาวะจิตใจเขาค่อนข้างมีปัญหา ไม่ค่อยดี เรารู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ก็ต้องให้ความอุ่นใจกับเขา เราก็พยายามบอกให้เขาคิดว่า เราต้องปกป้องตัวเราและลูกนะ คิดถึงลูกให้มากๆ ก็ทำให้กำลังใจเขาก็ดีขึ้น”
พร้อมเผย “แอนนี่” กำลังดำเนินการฟ้องร้อง “เฮียฮ้อ” ในข้อหาหมิ่นประมาท ยังไม่รู้เรียกค่าเสียหายหรือไม่ แต่มั่นใจชนะคดีแน่
“ที่มูลนิธิเข้าไปช่วยคุณแอนนี่ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของความไม่เท่าเทียมกันระหว่างหญิง-ชาย เราจะเห็นว่าที่ทางเฮียฮ้อของบริษัท อาร์เอส พูด มันเป็นการมองว่าผู้หญิงด้อยค่ามาก และถูกใช้ความรุนแรงในด้านจิตใจค่อนข้างสูง ฉะนั้น ทางเราเลยเข้าไปช่วยในแง่เรื่องการปกป้องสตรี เพราะสังคมชอบมองผู้หญิงสำส่อนทางเพศ จะดูถูกทำร้าย แต่ผู้ชายที่ไปมีสัมพันธ์ทางเพศด้วยไม่มีใครว่า ตรงนี้มันทำให้เรารู้สึกว่า วิธีคิดแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ต้องแก้ของคนไทย เราเลยเข้าไปช่วย”
“ประเด็นที่ 2 คือ เราเข้าไปช่วยเหลือเรื่องคดี มันเป็นการร้องขอจากคุณแอนนี่ อย่างน้อยๆ เราก็คุยให้กำลังใจเขาไป เขาก็รู้สึกว่าได้ปรึกษาทางเรา ซึ่งจริงๆ มีหลายคนเข้าไปช่วยเหลือเขา แต่ทางเรามองว่าอย่างน้อยเราช่วยเหลือเรื่องทางกฎหมายต่อประชาชน เราช่วยผู้หญิงทุกคนอยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะคุณแอนนี่ ฉะนั้นคุณแอนนี่ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทางมูลนิธิก็ต้องช่วย”
“เรื่องคดีมันจะมี 2 ประเด็น คือ ประเด็นที่ทางบริษัท อาร์เอส ไปพูดถึงเขาในทางเสียหาย เราก็จะฟ้องร้องในแง่หมิ่นประมาท ซึ่งคุณแอนนี่ก็จะฟ้องแน่นอน เราก็ดำเนินการให้ ส่วนเรื่องอื่นๆ กำลังปรึกษากันอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะเรียกร้องค่าเสียหายด้วยไหม หรือจะดำเนินการเมื่อไหร่ คือเรากำลังคุยปรึกษากับทนายในเรื่องรูปคดีอยู่ว่า จะเอาระดับไหน วันนี้เราก็เข้าไปคุยกับคุณแอนนี่เรื่องข้อมูลหลักฐานต่างๆ ขอให้คุยข้อเท็จจริงให้มันชัดเจน และต้องปรึกษาทนายด้วยว่าจะเริ่มเมื่อไหร่ มันยังไม่ชัดเจน”
“ถามว่า คุณแอนนี่ จะฟ้องบริษัท อาร์เอส ที่เดียวหรือคนอื่นด้วย ก็เท่าที่คุยกันคงเป็นคนที่พูดชัดเจนที่สุด ซึ่งข้อมูลตรงไหนที่ค้านในความรู้สึกของคุณแอนนี่ เราคงบอกไม่ได้ เพียงแต่เขามีความคิดที่จะดำเนินการ และตัวเขาก็ชัดเจน เขารู้ว่าสู้กับอะไรอยู่ เขาก็เดินหน้าแบบนี้ ทางเราเองก็ต้องสนับสนุน ดูคุณแอนนี่มั่นใจว่าจะชนะคดีไหม คือในแง่รูปคดีเรื่องการหมิ่นประมาทมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว และเราก็ปรึกษานักกฎหมายหลายคนในคดีนี้”
ต่อข้อซักถามในอีกมุมหนึ่ง บางกระแสก็บอกว่า “แอนนี่” เป็นฝ่ายโกหกให้ข้อมูลไม่เป็นจริง ถ้าช่วยเหลือไปแล้วเรื่องมันพลิก หวั่นทางมูลนิธิจะเสียหายตามไปด้วยหรือไม่?
“คือ ที่เราออกมาปกป้อง เราไม่ได้มีปัญหากับทางใครนะครับ แต่ทางมูลนิธิสู้ในแง่ประเด็นที่ทางบริษัททำร้ายจิตใจ และเป็นการใช้ความรุนแรงอีกรูปแบบหนึ่งกับคุณแอนนี่ ซึ่งเรารู้สึกว่าไม่ว่าใคร หรือบริษัทไหนก็ไม่ควรจะทำอย่างนี้ สิ่งที่คุณพูดเป็นการทำร้ายผู้หญิงในด้านจิตใจ แล้วทางมูลนิธิก็สู้กับความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ซึ่งสังคมพยายามมองว่าผู้หญิงเป็นคนมีปัญหา ประเด็นนี้ทางมูลนิธิเพื่อนหญิง ก็ชัดเจนว่า เราคงไม่ได้ดูแค่ประเด็นเฮียฮ้อ ทางมูลนิธิต่อสู้มาในหลายๆ กรณีแล้ว สู้กับระบบวิธีคิด คือ เขาอาจจะถูกบอกมาว่าเป็นผู้ชาย มีอำนาจเหนือกว่าผู้หญิง จะทำอะไรผู้หญิงก็ได้ ซึ่งเราจะให้บทเรียนว่าวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ มันควรจะต้องมีการแก้ปัญหา นี่คือจุดยืนของมูลนิธิ”
“แล้วไม่ใช่แค่กรณีของอาร์เอส แค่นี้ มันมีหลายกรณีที่เจอ ก็มีผู้มีอิทธิพลที่มองผู้หญิงแบบไม่มีศักดิ์ศรี นึกอยากจะทำร้ายก็ทำได้ ซึ่งเรารู้สึกว่าตรงนี้ไม่ถูกต้อง และเราไม่อยากให้มีวิธีคิดแบบนี้ในสังคม เป็นการลงโทษผู้หญิงโดยที่ข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจน ถามว่าเรากลัวเรื่องอิทธิพลมืดไหมถ้าช่วยคุณแอนนี่ คืออันนี้ไม่ใช่กรณีแรกครับ ทางมูลนิธิทำงานมานานแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดา เราก็เคยเจอเรื่องอิทธิพล คนมีอำนาจในสังคม ดังนั้นตรงนี้เราต้องเดินหน้า ส่วนเรื่องที่คนมองว่าอาร์เอสอาจจะเอาเงินมาซื้อ เพื่อให้จบคดี ตรงนี้เรารู้ว่าต่อสู้กับวิธีคิดแบบนี้อยู่ แต่เรายืนยันว่าเราสู้กับความไม่ถูกต้อง”
สำหรับเรื่องตรวจดีเอ็นเอของ “แอนนี่” ทางผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนหญิง เผยว่า ไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือ หรือพูดคุยกันเรื่องนี้ จะช่วยทางด้านฟื้นฟูจิตใจดาราสาวมากกว่า
“เรื่องการตรวจดีเอ็นเอของคุณแอนนี่ ทางมูลนิธิไม่ได้คุยกับเขาเรื่องนี้ เราจะช่วยในแง่จิตใจก็ช่วยให้คำปรึกษาเขาตลอด ให้เขากลับมาเข้มแข็ง แต่ตอนนี้เขาก็เข้มแข็งอยู่แล้วนะ แต่บางช่วงอาจจะรู้สึกเศร้าๆ ซึ่งเราก็อยากให้สังคมให้กำลังใจคุณแอนนี่ เราห่วงลูกเขาด้วย ไม่งั้นมันกระทบต่อเด็กในระยะยาวด้วย ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องช่วยเขา”
อิอิ สถานการณ์ใหม่อีกแล้ว