ของผมก็ น่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ทีครับ เง้อ จริงๆเยอะกว่านั้นครับเพราะชอบเที่ยวครับ
แต่ก่อน ไม่มีราวให้จับครับ ค่อนข้างจะ ธรรมชาติเอามากๆครับ
ตรงทางแยก ก่อนจะขึ้นหลังแปนะครับ สังเกตว่า เหมือนๆจะมีอีกทางขึ้นใช่มั๊ยครับ ตรงนั้นคือ เป็นทางขึ้นแต่ก่อนนะครับ
แต่ว่าพึ่งมาเปลี่ยนทางใหม่ครับ แล้วเค้าก็ทำสะพานปีนขึ้น จะบอกว่า นักท่องเที่ยงระยะหลังๆนี่ สะดวกสบายมากๆครับ แต่ก็ยังมีคนบ่นว่า หนัก และ ลำบากครับ เพราะทางขึ้นมันก็ราวๆ 5 กม. แต่ว่า เป็น 5 กม. แบบทางชันๆนะครับ
ขึ้นครั้งแรกๆ ผมราวๆ 4 ชม. กว่าๆครับ
ตอนฟิตๆ ชั่วโมงเดียว + สัมภาระเต็มพิกัดครับ
ผมไม่เคยจ้างลูกหาบแม้แต่ครั้งเดียวครับ อันนี้เป็นความภูมิใจส่วนตัวครับ จริงๆคือ จนครับ ไม่มีปัญญาไปจ้างครับ อิอิกำ
คนที่ไม่เคยขึ้นนะครับ จะบอกว่า ทางขึ้น ไม่มีทากแม้แต่ตัวเดียวครับ สบายใจได้ครับ ส่วนจะเริ่มมีก็ ทางเดินเข้า ที่ทำการด้านบนโน้นแหล่ะครับ พวกทางเดินน้ำตก มีครับ ผานกแอ่น อะไรพวกนี้ มีครับ ก็ ระวังทากไว้นิดนึง
บอกตรงๆนะครับ มันเคยเข้าไปกัด KaPok ผมด้วยครับ เง้อ กินมาอ้วนทีเดียว โดนตอนขึ้นครั้งแรกครับ
หลังๆ สบายครับ ถุงกันทากไม่เคยใช้ครับ ก็ ใส่รองเท้าผ้าใบครับ สบายๆ ถ้าโดนมันเกาะ ผมใช้ยาหม่องป้ายที่ตัวมันครับ มันจะดิ้นออกไปเอง บางคนที่ไปด้วยกัน ใช้ไฟแช็คนะครับ ผมว่า มันไม่ดีครับ เสีย bios mass ครับ เค้าเคยอยู่เป็นเจ้าถิ่น ไม่น่าไปทำร้ายเค้าครับ เราต่างหากครับเป็นคนไปขอเค้าชมครับ
แต่ก่อน ก่อไฟได้ครับ เดี๋ยวนี้ ไม่แล้ว พวกแก๊สกระป๋อง ผมก็ไม่มีครับ อาศัยว่า ไปซื้อน้ำร้อนบนนั้นครับ มาม่าก็เตรียมมาในเป้ ก็ อิ่มนะครับ ไข่ต้มก็มีขายบนนั้น มันปิ้งก็มี แต่ว่า เที่ยวแบบนี้ ไปแบบประหยัดที่สุดครับ ก็ นึกได้ก็ ขี่มอไซด์ ชวนเพื่อนไปครับ ก็ไปจอดไว้ใต้ตีนเขาก็ขึ้นกันครับ บางที เซ็งๆ ก็ขึ้นครับ
ปกติ ป่าจะเปิด ต.ค.ครับ ถ้ากำลังวังชาไม่ดี ไม่ควรขึ้นช่วงนี้ครับ เพราะว่า ป่ายังสดอยุ่ครับ ทากยังเยอะมาก และ ฝนก็ตกตลอดครับ กางเตนท์ไม่ได้อยู่แล้วครับกลางแจ้ง แล้วคนจะน้อยครับ ซึ่งผมก็จะไปช่วงนี้ครับเป็นหลัก ป่าเปิดแล้วชวนกันไปเลย ก็ โทษนะครับ เอาเหล้าขาวไปขวดนึง กับกระทิงแดง เอาไปกินบนนั้นครับ ไม่ดีนะครับอย่าไปทำตาม ก็โอเคครับ ใช้ได้ครับ
ปกติ ถ้าฝนตกหนัก ก็ กางเตนท์แถวๆที่ทำการครับ ตรงทางเดิน
พวกบ้านพักที่เป็นไม้ เป็นบ้านรับรองหลังเล็กๆ คิดว่าน่าจะเคยไปนอนนะครับ ถ้าคนไม่เยอะ แบบนั้น ทางห้อยหัวลงมาเลยครับ เหอๆ ตรงนั้น ทากชุมด้วยครับ ผมเคยนอนตรงนั้นทีเดียว ไม่เอาอีกเลยครับ นอนไม่หลับทั้งคืน
ก็ ส่วนใหญ่ ผมขึ้นประมาณ 3 - 4 วันครับ รุ่นพี่คนนึงเค้าเอาสแตนขึ้นไปวาดภาพสีน้ำมันครับ ใส่ถุงแซกไป หนักชิบหายครับ ของผมนี่เด็กๆเลย ที่เหลือก็ เพื่อนๆคอเดียวกันไปด้วยกันครับ
เสื้อผ้า ไม่ต้องห่วงครับ บางทีไปเป็นอาทิตย์ ชุดเดียวก็มีครับ ไม่อาบน้ำเลย กางเกงในก็ไม่เปลี่ยนครับ เน่าๆอย่างงั้นแหละ บางทีมันลงไม่ได้ครับ ฝนตกหนัก มีดินสไลด์ครับ บางช่วงก็ หนาวชิบหายครับ ไปขอเช่าผ้าห่ม 2 ผืนยังไม่หายหนาวครับ หลังๆเลยซื้อถุงนอนแบบมัมมี่มาเลย ก็โอเคครับ แต่ก็ยังต้องใส่ชุดกันหนาวอยู่อีกครับ
บนเขาก็ ไม้ป่าต่างๆ สวยงามครับ หม้อข้าวหม้อแกงลิง ว่านต่างๆ เยอะครับ ดอกไม้ป่า สวยงาม
กวางนิสัยส้นทีนๆนั่น มีมานานแล้วครับ คิดว่า เดี๋ยวนี้ก็ยังคงมีต่อไป สันดารมันอย่างงั้นครับคนเคยให้มันกิน เปิดเตนท์ได้ด้วยนะพวกนี้ไปขโมยของครับ
ผมเคยเข้าในโซนป่าปิดสองทีครับ ไปกับเจ้าหน้าที่อุทยาน เสียวเจอช้างครับ เพราะว่า เจอขี้ช้างบนนั้นก็บ่อยครับ เพราะถ้าเจอเนี่ย หนีมันคงไม่ทันครับ อันตรายพอควร บางทีก็ ไม่อาบน้ำปล่อยให้เน่าไว้ ปลอดภัยกว่าอาบน้ำครับ แล้วมีกลิ่นสบู่ กลิ่นหัวน้ำหอม ในป่ามันอันตรายครับแบบนั้น ผิดกลิ่นไม่ใช่กลิ่นธรรมชาติครับ
ลงมาก็ ขาบวมนะครับ ไม่ใช่ว่า ขึ้นไปแล้ว ฟิตตลอดครับ รองเท้าขาดบ้าง อะไรบ้าง
ส่วนผู้หญิง เคยพาขึ้นครับ แต่ สงสารเค้าครับ เพื่อนกัน มีทากเข้าไปในของสงวนเจ้าหล่อนด้วย ก็เลยต้อง รีบลงครับ เคยขึ้นไปวันเดียวแล้วกลับวันต่อมาก็นี่แหล่ะครับ เลยไม่พามาด้วยดีกว่าถ้าไม่ใช่ขาลุยตัวจริงครับ
ถามว่า รู้สึกว่าตัวเองพิชิตภูกระดึงหรือเปล่า ผมรู้สึกว่า ไม่ นะครับ ไม่ใช่ว่า มาอวดตัวว่าเก่ง ว่าขึ้นบ่อยนะ
แต่จริงๆคือ ไปกับเพื่อนกัน สนุกครับ พกกล้องไป ถ่ายภาพไป ใช้ชีวิตแบบนั้น ธรรมชาติสวยครับ คนไม่ค่อยมี เยอะสุดๆก็แค่ร้อยกว่าคน ปกติไปช่วงนั้นก็ สามสิบสี่สิบคนครับ ช่วงมรสุม จะว่าไงดี ไปไม่เคยเบื่อครับ อีกอย่าง ผมไม่เชื่อครับว่า คนเป็นแฟนกันจะขึ้นแล้วลงมาเลิกกัน อันนี้ มั่วครับ นอกจากไปเจอคนเฮงซวยจริงๆที่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ ก็น่าเลิกอยู่ เพราะคือ ร่างกายผู้ชาย มันทนกว่าหญิงในลักษณะนี้อยู่แล้วครับ บางทีขึ้นก็ต้องรอเค้าบ้าง ช่วยเค้าแบกของบ้างอะไรบ้างไปครับ
ผมว่า ใครยังไม่เคยไป ไปเถอะครับ ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากหรอกครับ สดๆ ขึ้นไปเถอะ เดี๋ยวนี้ มีที่พักเป็นระยะๆตลอดนะครับเท่าที่ทราบ ห้องน้ำห้องท่ามีตลอด เพื่อนรายทาง มีเยอะครับ พึ่งพาอาศัยขอน้ำท่ากันกินได้ครับ
จริงๆ มีหลายที่ครับในไทย ภูชี้ฟ้า ภูสอยดาว ก็ มีโอกาสก็ไปเถอะครับ พอทำงานแล้ว มันจะไม่มีโอกาสทำแบบนี้อีกครับ อีกอย่าง แรงจะขึ้นก็คงไม่ดีแล้ว ขึ้นที ต้อง 3 วันครับ ขึ้น พัก แล้วก็ ลง สแตนดาร์ดเลย ถ้าไม่ฟิตนะครับ
ถ้าไม่อยากเหนื่อย แนะนำว่า เอาของไปให้น้อยที่สุด แต่งตัวให้สบาย อากาศถ่ายเทได้สุด มีเสื้อกันฝนไปด้วย ถุงกันทากไปด้วย ยาหม่อง ส่วนยารักษาโรค ไปขอบนนั้นได้ครับ เจ้าหน้าที่เค้ามีครับ ใช่ครับ ภูกระดึง ถือว่า ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก เตรียมไว้ยามฉุกเฉินให้นักท่องเที่ยว พอสมควรครับ ใครเล่นวิทยุสมัครเล่น ตรงผานกแอ่น รุ่นพี่ที่ไปด้วยกันก็ ว.ถึง รปภ.ในเมืองขอนแก่นห่างกันตั้งไกล ก็คุยกันได้ครับ เดี๋ยวนี้ เห็นเค้ามีเสาสัญญาณมือถือครบ สบายครับ ปลั๊กไฟอะไรก็คงมีครบเนาะ ดีครับดี หาโอกาสไปเถอะครับ ข้อมูลผมก็ มีเท่าที่ไปครับ ขึ้นปีใหม่รอบใหม่ มันก็ไม่เหมือนเดิมหรอกครับ ไปกี่ทีก็ไม่เหมือนเดิม ไม่เบื่อครับ ของแบบนี้
เที่ยวธรรมชาติ มันก็ต้นไม้ใบหญ้า ก็เคยเห็นครับ แต่ว่า ไม่เบื่อจริงๆ
แต่ถ้า ส่องดูในตู้ ไปกี่รอบก็ เจอแต่เคี้ยวหมากก็ อันนี้ก็ ตัวใครตัวมันแล้วกันครับ อิอิกำ