หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  (อ่าน 1435 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
kk810662
Registered User
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2011, 16:11:28 »

การเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

ตั้งแต่ อดีตกาล จวบจนปัจจุบัน คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า สมุนไพรมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตประจำวันของคนไทย ทั้งในเรื่องของอาหาร การบำรุงร่างกาย ตลอดจนยารักษาโรค

สมุนไพร นั้นจริงๆ แล้วเป็นคำรวมๆ เพื่อใช้เรียกเภสัชวัตถุ ที่นำมาใช้ทำเป็นยา หรืออาหารเสริม ในทางการแพทย์แผนไทยยังแบ่งเภสัชวัตถุออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้

    * พืชวัตถุ คือ สมุนไพรต่างๆ ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี เช่น ขมิ้นชัน ว่านชักมดลูก กระเทียม แปะก้วย ฯลฯ

    * สัตว์วัตถุ คือ สัตว์สมุนไพรที่เรานำมาใช้ เช่น น้ำมันปลา เขากวางอ่อน ชะมดเช็ด ฯลฯ

    * ธาตุวัตถุ คือ ธาตุสมุนไพรต่างๆ เช่น สารส้ม ทองคำ เกลือ ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีคุณสมบัติเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกายแบบองค์รวม รักษาการอักเสบต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก เป็นต้น

การใช้สมุนไพรให้ถูกต้องนั้น นอกจากจะต้องมีคุณธรรมตามจรรยาเภสัช เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวแล้ว ยังจะต้องใช้หลักเภสัช ๔ ซึ่งเป็นหลักการความรู้ในด้านการใช้สมุนไพร อันประกอบด้วย ๑. เภสัชวัตถุ ๒. สรรพคุณเภสัช ๓. คณาเภสัช และ ๔. เภสัชกรรม

อาหาร ไทย นับเป็นวัฒนธรรมชั้นสูง ที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ มีความประณีตบรรจงในการปรุงแต่งอย่างพิถีพิถันให้มีความหลากหลาย สวยงาม รสชาติอร่อย อุดมด้วยพืชผัก สมุนไพรนานาชนิดที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งในด้านการบำรุงและรักษาสุขภาพ เช่น ต้มยำกุ้ง แกงเลียง ต้มข่าไก่ ผักน้ำพริกปลาทู อาหารจำพวกยำต่างๆ ฯลฯ หรือไม่ว่าจะเป็นขนมหวาน เช่น เมี่ยงคำ เป็นต้น จนเป็นที่กล่าวกันว่าประเทศไทยมีวัฒนธรรมการกินที่วิเศษ สุดยอดอารยธรรม คือการกินอาหารให้เป็นยา ซึ่งเป็นหลักการที่กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก จนทำให้อาหารไทยเป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ของนานาประชาชาติ

ดัง นั้น หากเราสามารถเลือกทานอาหารให้ครบหมู่ ให้ได้สารอาหารอย่างครบถ้วน ร่วมกับการออกกำลังกายและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี มีสุขภาพจิตที่ดีแล้ว รวมถึงการตรวจสุขภาพเป็นประจำ เราก็สามารถมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ โดยไม่ต้องพึ่งพาอาหารเสริมแต่อย่างใด

ต่อเมื่อประเทศไทยได้ รับ เทคโนโลยีใหม่ๆ อิทธิพลจากวัฒนธรรมของตะวันตก รวมถึงปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่ทำให้เราต้องต่อสู้ดิ้นรนในการประกอบอาชีพ เลี้ยงดูครอบครัว เป็นสาเหตุให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยเปลี่ยนไปอย่างมาก เนื่องจากไม่มีเวลาเพียงพอที่จะดูแลตัวเองหรือครอบครัว โดยเฉพาะในเรื่องของการออกกำลังกายและอาหารการกิน คนไทยจึงประสบกับโรคภัยไข้เจ็บกันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง อาหารเสริมจึงเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อาหาร เสริมที่จำหน่ายในประเทศไทยในปัจจุบันนั้น มีมากมายหลายร้อยหลายพันชนิด ล้วนแต่ระบุว่าผลิตมาจากสมุนไพรธรรมชาติ ให้สรรพคุณต่างๆ นานา มีทั้งที่ผลิตในประเทศไทยและนำเข้าจากต่างประเทศ ที่สำคัญคือ บริษัทผู้จำหน่ายจะต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพ รวมทั้งการรักษาคุณภาพของอาหารเสริม เพื่อให้มีสรรพคุณตามที่ได้รับการยอมรับจากงานวิจัยอย่างแท้จริง

ด้วย เหตุผลดังที่กล่าวมา เราจึงควรคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของตัวเราเอง ด้วยการเลือกใช้สินค้าที่มีคุณภาพ โฆษณาสรรพคุณที่ไม่เกินจริง จัดจำหน่ายหรือผลิตโดยบริษัทที่เชื่อถือได้ ผ่านการรับรองจาก อ.ย. และมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคในการแก้ไขปัญหาหลังการขาย

การ ทานอาหารเสริมนั้น แน่นอนว่าเราต้องการทานเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง หรือให้มีความแข็งแรงยิ่งขึ้น หรือเป็นส่วนเสริมให้หายจากโรคหรืออาการเรื้อรังที่เป็นอยู่ บางคนอาจต้องการทานเพื่อช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีไปนานๆ ซึ่งก็คือการทานเพื่อป้องกันโรคหรือเสริมสร้างสุขภาพอยู่เสมอ อันเป็นหลักสำคัญของการทานอาหารเสริม

การเลือกทานอาหารเสริม ให้เหมาะกับตัวเรานั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอย่างที่คิด เพียงแต่เราต้องทราบจุดอ่อนสุขภาพของเราว่ามีอะไรบ้าง มีโรคทางกรรมพันธ์ที่พ่อแม่พี่น้องเราเป็นบ้างหรือไม่ เรามีพฤติกรรมหรือความเป็นอยู่ที่สามารถก่อให้เกิดโรคอะไรหรือเปล่า

การ หลีกเลี่ยงพฤติกกรรมก่อโรค การปฏิบัติตนให้ถูกสุขลักษณะ ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นจึงเป็นจุดเริ่มสำคัญที่สุดในการดูแลสุขภาพ หากเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่าง เป็นต้น เนื่องจากอาชีพการงาน เราก็ต้องพยายามมากขึ้นที่จะรักษาบำบัดร่างกายด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้สุขภาพมีการผ่อนคลายหรือถูกกระทบกระเทือนน้อยที่สุด

เรา ต้องระลึกไว้เสมอว่าอาหารเสริมไม่ใช่อาหารทั้งหมดที่ร่างกายต้องการ แต่เป็นอาหารที่ทานเพื่อเป็นการเสริมอาหารที่เราทานอยู่เป็นหลัก หรือเพื่อเพิ่มเติมในสิ่งที่เราขาดหรือต้องการมากขึ้นกว่าปกติในช่วงเวลาใด เวลาหนึ่ง เราต้องไม่ทานอาหารเสริมเพื่อทดแทนหรือชดเชยอาหารหลัก

มี หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และโภชนาการมากมายที่ยืนยันว่าการให้อาหารเสริมอย่าง ถูกต้องแก่ผู้ที่ทานอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างต่อเนื่องมาเป็น เวลาหลายปี จะช่วยฟื้นฟูให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงกลับมาได้ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการตายด้วยโรคมะเร็ง โรคไขมันอุดตันในสมอง โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ รวมถึงช่วยในการขจัดสารพิษออกจากร่างกายและปรับสมดุลของระบบต่างๆ ให้เป็นปกติและมีประสิทธิภาพ

ด้วยความปรารถนาดี ...ประเสริฐ ประสิทธิพยงค์วทบ. (เทคนิคการแพทย์), เภสัชกรแผนไทย (พท.ภ.), เวชกรรมแผนไทย (พท.ว.), ผู้ดำเนินการสปา (Spa Manager)

ด้วยความปรารถนาดี ...

ประเสริฐ ประสิทธิพยงค์ วทบ. (เทคนิคการแพทย์), เภสัชกรแผนไทย (พท.ภ.),

เวชกรรมแผนไทย (พท.ว.), ผู้ดำเนินการสปา (Spa Manager)

สำหรับ ท่านที่มีปัญหาในเรื่องสุขภาพในทุกๆ โรค หรือท่านที่รักสุขภาพ ให้ snatur  S-Ladina และ  snature  S-Mana เราเป็นผู้ช่วยดูแลเรื่องสุขภาพนะคะ เรารับรองเรื่องความปลอดภัย 100%

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.whysnatur.com
บันทึกการเข้า

Venom-Crusher
สมาชิกกลุ่ม ยสตน.
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 15962


I'm Stand Between Hell and Earth.


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2011, 16:20:43 »

มาขายห้องนี้ดีกว่านะ อิอิกำ
บันทึกการเข้า



It's hard to be righteous, but it easy to be evil.
kk810662
Registered User
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2011, 01:27:08 »

น้ำมันรำข้าว และ จมูกข้าว (Rice Bran and Germ oil)

 

ไวทอลสตาร์ น้ํามันรําข้าว (Vital Star)






ข้าวขาวที่เรานิยมบริโภคเป็นอาหารหลัก ประจำวัน เป็นข้าวที่ผ่านการขัดสี เอาเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว หรือที่เรียกว่า รำข้าวและจมูกข้าว ซึ่งส่วนนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ออกไปหมดอย่างน่าเสียดาย

ดังนั้นในปัจจุบันนี้ จึงเห็นว่ามีการสกัดรำข้าวและจมูกข้าว มาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งการสกัดนี้ต้องทำด้วยกระบวนการพิเศษภายใน 24 ชั่วโมงหลังการสี เพื่อให้ได้น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ที่ให้ประโยชน์กับสุขภาพร่างกาย ได้อย่างครบถ้วน

โดยกรรมวิธีสกัดนี้จะไม่มีการใส่ัวัตถุกัน เสีย เนื่องจากมีวิตามิน อี ธรรมชาติในรูปของ โทไคไตรอีนอล (Tocotrienol) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระฤทธิ์แรงอยู่ในปริมาณสูง และไม่มีการเติมสารเคมี หรือ แต่งสี

ส่วนสำคัญคือ สารแกมม่า-โอไรซานอล (Gamma-Oryzanol) ซึ่งพบเฉพาะใน”ข้าว” เท่านั้น และมีงานวิจัยกว่า 60 ปี ว่าสามารถช่วยดูแลสุขภาพครอบคลุมโรคเสื่อมทุกชนิด

โรคเสื่อม…ภัยร้ายใกล้ตัวคุณ

โรคเสื่อม คือ โรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากอนุมูลอิสระ เช่น

- โรคมะเร็ง โรคหัวใจ อัมพฤกษ์

- หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

- ความดันโลหิตสูง

- คอเลสเตอรอลในเลือดสูง เส้นเลือดตีบ

- โรคเก๊าท์ โรคข้อเสื่อม รูมาตอยด์

- อาการวัยทอง นกเขาไม่ขัน

- ไมเกรน อาการเครียด นอนไม่หลับ

- ผิวหนังไม่กระชับ แห้งเหี่ยว ตกสะเก็ด

- ปวดประจำเดือน ประจำเดือนมาไม่ปกติ

- สิวอักเสบ เป็นฝ้า-กระ จุดด่างดำ

- ปวดเมื่อย ไทรอยด์

- ท้องผูก

- ภูมิแพ้ ไซนัส

รายงานจากการประชุมใหญ่ทางวิชาการ ซึ่งสนับสนุนโดยสมาคมหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association) กล่าวรายงานผลของน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ว่าสามารถลดคอเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) ที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ถึง 30% โดยไม่ทำให้คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ลดลง จึงช่วยป้องกันการเกิดหัวใจวายได้

เรื่องการลดคอเลสเตอรอลในเลือด ผมมีผลการตรวจร่างกาย ยืนยันครับ ว่าก่อนทาน กับหลังทาน จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

ผลจากการทานต่อเนื่องมา 1 ปี เป็นแบบนี้ครับ

ก่อนทาน ไขมันดี (HDL) 61 หลังทาน ค่าเพิ่มขึ้นเป็น 69

ก่อนทาน ไขมันอันตราย 124 หลังทาน ลดเหลือ 84.6

ก่อนทาน ไขมันไตรกลีเวอร์ไรด์ 230 หลังทาน ลดเหลือ 132


จริงๆแล้ว การวิจัยเรื่องนี้ มีมากว่า 60 ปีแล้วครับ เอกสารเรื่องนี้ ก็มีมากมายครับ

ผม มีข้อมูลเชิงลึกอีกปึกใหญ่เลยครับ เพราะในตอนแรก ผมก็สงสัยเหลือเกินว่า ทำไมมันครอบคลุมได้หลายโรคจัง แต่พอมาทำความเข้าใจจริงๆ ก็รู้เลยว่า มันเข้าไปดูแลเรื่องโรคเสื่อม ในร่างกายเราครับ

ปัจจุบันน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวที่ผลิตใน ประเทศไทย มีเพียงยี่ห้อเดียวเท่านั้น ที่ได้รับการรับรองจากสาธารณสุขประเทศญี่ปุ่น คือ Vital Star ซึ่งจัดจำหน่ายโดย บริษัท เอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค จำกัด

ประเทศที่สามารถผลิตน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวได้ ในปัจจุบันมีเพียง 4 ประเทศในโลก คือ ไทย ญี่ปุ่น อินเดีย และ สหรัฐอเมริกา

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว Vital Star ผลิตโดยบริษัท ที่มีกำลังการผลิต และคุณภาพเป็นอันดับ 1 ในเอเซีย จึงมั่นใจได้ในคุณภาพ

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว Vital Star บรรจุอยู่ในลักษณะแคปซูล จำนวน 60 เม็ด ต่อ 1 ขวด สามารถรับประทานได้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย เนื่องจาก เป็นผลิตผลจากข้าว 100%

ตัวอย่างผู้ใช้นำมันรำข้าวและจมูกข้าว เอมสตาร์ ดูแลสุขภาพ

คุณขวัญฤดี แก้วอนันต์ (กทม.) – พยาบาลวิชาชีพ

- มีปัญหาเรื่องปวดประจำเดือน จะทรมานมากเวลามีประจำเดือน หลังได้รับคำแนะนำให้ทานน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวaimstarVital Star วันละ 4 แคปซูล อาการปวดประจำเดือนก็หายไป จนปัจจุบันไม่มีอาการปวดประจำเดือนให้ทรมานอีกเลย

เรือเอก พัดขจร (สัตหีบ) – โรคเก๊าท์

- ปวดเข่ามาก เมื่อเดินเร็วหรือวิ่ง รับประทานน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว Vital Star 1 เดือน ร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบัน ไม่พบอาการปวดอีก

คุณจำนงค์ (ชลบุรี) – เป็นโรคอัมพฤกษ์ซีกขวามา 1ปี

- น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวaimstar Vital Star ร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบัน 2 เดือน สามารถลุกขึ้นเดินได้เกือบปกติ

คุณอารี ปาณิกบุตร – อายุ 80 ปี เป็นมะเร็งที่ไตและปอด ตัดปอดด้านขวาไป 1 ซีก

- ต้องทานยาเคมีวันละ 4 เม้ด ราคาเม็ดละ 2,000 บาท มีอาการแพ้ยาทรมานมาก น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว Vital Star วันละ 9 แคปซูล ร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบัน 2 เดือน อาการดีขึ้น จนแพทย์ลดยาเคมี

คุณนฤมล (เพชรบุรี) – มะเร็งเต้านมขั้นที่ 4

- มะเร็งขั้นรุนแรง และลามไปที่กระดูกสันหลัง รับประทานน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว Vital Star วันละ 9 แปคซูล ร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบัน 5 สัปดาห์ เซลล์มะเร็งลดขนาดลง จากนั้นอีก 9 เดือน ตรวจไม่พบเซลล์มะเร็ง

ส่วนอัมพฤต ผมได้มีโอกาสรู้จักกับคุณจำนงค์ ซึ่งอยู่จังหวัด ชลบุรี ท่านเป็นอัมพฤกษ์ ซีกขวามา 1 ปี หลังจากรับประทานน้ำมันรำข้าว ร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบัน ตอนนี้สามารถลุกขึ้นเดินได้ปกติครับ

ส่วนในกรณีโรคหัวใจ คุณจิรัฏฐ์ พัฒนพลวีรกุล ท่านเป็นโรคหัวใจมา 7 ปี ผ่าตัดทำบอลลูนไปแล้ว 2 ครั้ง(4เส้น) มีอาการหอบ เหนื่อย ท่านรับประทานน้ำมันรำข้าว 2 เดือน อาการดีขึ้น มีแรง และตอนนี้หมอก็ลดยาลง ปัจจุบันทานน้ำมันรำข้าวต่อเนื่องมา 2 ปี ร่างกายแข็งแรง



น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว เอมสตาร์ Vital Star เห็นผลทันทีตั้งแต่วันแรกที่รับประทาน ถึงแม้คุณจะเป็นคนที่มีสุขภาพดีอยู่แล้ว น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว Vital Star มีวิตามิน บี คอมเพล็กซ์สามารถช่วยในเรื่องของระบบประสาท ลดความเครียด ทำให้หลับลึกขึ้น หลับง่ายขึ้น ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกสดชื่น

เอกสารอ้างอิง

เอกสารอ้างอิง ลองไปค้นๆดูนะครับ ผมเอามาแค่ส่วนนึง

1. Juliana BO, ed Rice : Chemistry and technology,2nd ed.

2. Sugano M, Tsu ji E. Rice bran oil and human health. Biomed Environ Sci 1996:9(2-3):242-6

3. Reghuram TC. Rukmini C. Nutriltional significance of rice bran oil Indian J Med Res 1995:102-241-4

4. Lichenstein AH et al. Rice bran oil consumption and plasma lipid levels in moderately hypercholesterolemic humans. Arterioscler Thromb 1994;14(4)549-56


อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : aimstarnetwork

บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: