พูดถึง
วัดโพธิ์ นอกจากจะเป็นอารามหลวงชั้นเอกแล้ว สิ่งที่เราจะนึกถึงอีกอย่างก็คือ เป็นวัดที่เปรียบเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย
ด้วยเป็นที่รวมของสรรพวิชาต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่ในด้านพระพุทธศาสนา แต่ว่ามีทั้งเรื่อง ประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม วรรณกรรม ไปจนกระทั้ง
ถึงตำราแพทย์ ด้วยรัชกาลที่สามท่านทรงอยากจะให้ความรู้ที่เคยมีอยู่เฉพาะในรั้วในวัง ได้เผยแพร่ออกไปสู่ประชาชนคนธรรมดา จนเป็นที่มา
ให้ยูเนสโกขึ้นทะเบียนวัดโพธิ์เป็น มรดกความทรงจำโลก
นวด คือ อีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่เมื่อกล่าวถึงวัดโพธิ์ แล้วทุกคนต้องนึกถึง รุปปั้นฤๅษีดัดตนและภาพจิตรกรรมลายเส้นตำรานวดแผนโบราณจึง
เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ ด้วยมาจากท่าโยคะของอินเดียซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ใช้ศิลปะและเป็นต้นแบบของตำรากายภาพบำบัดในปัจจุบัน
จุดเด่นอีกอย่างในวัดพระเชตุพนฯ ที่ทุกคนสังเกตได้นั่นก็คือ เจดีย์ ด้วยเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย มีทั้งพระเจดีย์ราย
พระเจดีย์ใหญ่ พระมหาสถูป และพระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ซึ่งพระเจดีย์ในวัดโพธิ์นี้ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองที่สวยที่สุด และ
ในความคิดของฉันสิ่งที่ทำให้พระเจดีย์สวยขึ้นไปอีกก็คือกระเบื้องเคลือบเครื่องถ้วยแบบจีนที่ใช้ประดับ ทั้งสีเขียว สีขาว สีขาบ ฯลฯ
ตกแต่งลวดลายเป็นดอกไม้นานาพันธุ์ สวยงามน่ารักมากจริงๆ
สุดท้ายก่อนที่จะจากวัดโพธิ์ อยากชวนเข้าไปกราบพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งเป็นพระนอนที่งดงามที่สุดในยุครัตนโกสินทร์กันก่อนค่ะ อ่านในตำราเขาว่า
พุทธลักษณะพิเศษของพระพุทธไสยาสน์ที่วัดโพธิ์นี้มีความแตกต่างออกไปเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ต่างจากพระพุทธไสยาสน์ทั่วไปคือ พระบาททั้งซ้ายและขวา
นั้นซ้อนเสมอกัน เพื่อตั้งใจจะแสดงลวดลายภาพมงคล ๑๐๘ ประการประดับมุก (ลักษณะพระพุทธไสยาส์โดยทั่วๆ ไปนั้นบรรทมตะแคงขวา พระบาทขวา
เหลื่อมพระบาทซ้าย) วันที่เราไปคนต่อคิวเข้าพระวิหารเยอะมาก เป็นขาวต่างชาติทั้งนั้นเลย ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไร ให้พวกเขาได้เข้าไปชมความงามก่อนก็แล้ว
กัน เราคนไทย เข้าชมก็ไม่ต้องเสียสตางค์ มากราบท่านวันหลังอีกกี่ครั้งก็ยังได้ แต่ชาวต่างชาติที่มากับทัวร์นี่สิ เขามีเวลาจำกัด และครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งเดียวใน
ชีวิตก็ได้ที่เชาจะได้มากราบพระที่นี่ ก็เลยสละอย่างน้อยสี่คิวให้ชาวต่างชาติไป (นี่ไงถึงบอกว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจ ถึงไม่ได้เช้าไปบูชาพระ แต่เราก็รู้สึกอิ่มเอมใจจากการให้ได้เหมือนกัน)
http://www.eldiariodecantabria.com