iqpressrelease
|
|
« เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2018, 13:37:46 » |
|
เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา SpaceChain ประสบความสำเร็จในการยิงดาวเทียมบล็อกเชน (blockchain node) ดวงแรกขึ้นสู่วงโคจรระดับต่ำด้วยจรวดขนส่งดาวเทียม CZ-2D ซึ่งถูกปล่อยออกจากศูนย์ส่งดาวเทียมจิ่วเฉวียน ในทะเลทรายโกบี ประเทศจีน เมื่อเวลา 15.51 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีการติดตั้งบอร์ดพัฒนาฮาร์ดแวร์ Raspberry Pi ไปกับดาวเทียมด้วย ซึ่งบอร์ดตัวนี้สามารถเปิดใช้โปรแกรมได้เต็มโหนดบนเทคโนโลยีบล็อกเชน Qtum
การยิงดาวเทียมครั้งนี้อาจถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ในการสำรวจอวกาศด้วยเงินทุนเอกชน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า SpaceChain กำลังเข้าสู่แวดวงที่องค์กรส่วนใหญ่แทบจะไม่สามารถเข้าถึงได้ และไม่มีทางที่จะรู้ว่า โปรแกรมอวกาศแบบโอเพ่นซอร์สและกระจายศูนย์โปรแกรมนี้จะนำไปสู่ที่ใด
"นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ที่เรากำลังผนึกรวมอวกาศและบล็อกเชนเข้าไว้ด้วยกัน เป้าหมายของเราที่ Qtum คือการสร้างอำนาจให้แก่ชุมชนบล็อกเชนในการเร่งการพัฒนา SpaceChain ซึ่งเป็นองค์กรด้านอวกาศของเอกชน เพื่อประโยชน์ของประชาชน" แพททริก ได ผู้ร่วมก่อตั้ง Qtum และหนึ่งในหุ้นส่วนของ SpaceChain กล่าว
บล็อกเชนขึ้นสู่วงโคจร
เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ยังใหม่พอสมควร จึงมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเฉพาะจำนวนมากเพื่อรองรับบล็อกเชนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
หลังประสบความสำเร็จในการยิงดาวเทียมดวงแรก SpaceChain กำลังจะเจาะเข้าสู่ตลาดพิเศษ แต่ก่อนจะมาถึงจุดนี้ โครงการอวกาศเอกชนได้เคยถูกจำกัดไว้สำหรับมหาเศรษฐีเท่านั้น แต่ด้วยการใช้สถาปัตยกรรมที่มีพื้นฐานอยู่บน เทคโนโลยี QTUM Blockchain ทาง SpaceChain จึงได้เปิดโลกแห่งการสื่อสารผ่านดาวเทียมให้แก่บรรดานักพัฒนาในทุก ๆ ที่
แนวคิดเรียบง่าย
SpaceChain ได้พัฒนาแพลตฟอร์มแบบโอเพ่นซอร์ส ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาอิสระทั่วโลกสามารถออกแบบแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่ใช้ประโยชน์จากศักยภาพทั้งหมดที่แพลตฟอร์มการสื่อสารผ่านดาวเทียมจะสามารถสร้างสรรค์ขึ้นได้
"การยิงดาวเทียมครั้งนี้นับเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญมากต่อการสร้างแบบจำลองการแก้ปัญหาแบบโอเพ่นซอร์ส ซึ่งเป็นการนำปัญญารวมหมู่หรือความฉลาดร่วม (collective intelligence) ไปใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด เราตั้งเป้าหมายที่จะปฏิวัติอุตสาหกรรมอวกาศด้วยการเปิดทางให้มีการใช้ประโยชน์จากอวกาศให้มากขึ้น เร่งการค้นพบ และเพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมนี้" คุณเจิง จั้ว ผู้ก่อตั้ง SpaceChain กล่าว
SpaceChain มีแผนจะปล่อยดาวเทียมอีกสองดวงในปีนี้ รวมทั้งขยายศักยภาพในการเคลื่อนย้ายข้อมูล เนื่องจากมีนักพัฒนาที่หันมาใช้แพลตฟอร์มของบริษัทและเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียมกันมากขึ้น
ผู้เล่นรายสำคัญ
ในปีที่ผ่านมา มีบริษัทจำนวนมากเข้าสู่วงการดาวเทียม "บล็อกเชน" แต่มีเพียงไม่กี่แห่งที่นำเสนอนวัตกรรมที่มีคุณภาพและมีความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์ SpaceChain มีความชำนาญเป็นพิเศษในด้านนี้ ซึ่งนักลงทุนผู้มีวิสัยทัศน์ก็ได้ให้การสนับสนุนคุณจั้ว ผู้ต้องการสร้างการสื่อสารผ่านดาวเทียมแบบโอเพ่นซอร์สในรูปแบบใหม่
ทิม เดรเปอร์ เป็นนักลงทุนแบบ Venture Capitalist ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องของการทุ่มลงทุนในเทคโนโลยีทันสมัย โดยหลังจากที่ได้ให้คำปรึกษาคุณจั้วที่มหาวิทยาลัยเดรเปอร์ในปี 2559 ก็ได้เกิดแนวคิดที่กลายเป็น SpaceChain ในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ เป็นที่น่าจดจำว่า หนึ่งในผู้ใช้สกุลเงินดิจิทัลที่อิงระบบบล็อกเชนกลุ่มใหญ่ที่สุดในขณะนี้ก็คือผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่ได้รับการสนับสนุนมากนักในระดับสากล และต้องการหาวิธีที่สะดวกเพื่อชำระบัญชีทางการค้า
ขณะที่ประชาชนจำนวนมากในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเก็งกำไรสกุลเงินดิจิทัล แต่ประชาชนในอีกหลายประเทศ อาทิ เวเนซุเอลาและซิมบับเว กลับใช้เงินดิจิทัลเป็นเงินสด และหลีกเลี่ยงระบบที่ได้รับการยอมรับอยู่เดิม ซึ่งขัดขวางการเคลื่อนย้ายสินค้าและความคิดต่าง ๆ แบบเสรี
โหนดต่าง ๆ ของระบบบล็อกเชนที่อยู่บนภาคพื้นดินนั้น ช่วยในเรื่องของการโอนย้ายข้อมูลจำนวนมหาศาลและการคำนวณข้อมูลแบบดิบ แต่เมื่อเป็นเรื่องของการติดต่อสื่อสารกับสถานที่ห่างไกลที่เครือข่ายโทรคมนาคมในปัจจุบันไม่สามารถเชื่อมโยงได้นั้น ดาวเทียมจึงเป็นทางเลือกเดียว
|