iqpressrelease
|
|
« เมื่อ: 11 พฤษภาคม 2018, 10:13:00 » |
|
หัวเว่ย เปิดตัวโซลูชั่นใหม่เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมอัจฉริยะ ในการประชุม Huawei Asia Pacific ISP Summit 2018
การประชุม Huawei Asia Pacific ISP Summit 2018 เปิดฉากขึ้นแล้วที่ฮ่องกง โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกว่า 150 รายจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้มาร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในหมู่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต รวมถึงการปลดล็อกโอกาสใหม่ๆในการขยายเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในธีม "Leading New ICT - Achieve and Accelerate Digital Revolution with ISP" โดยมีผู้นำอุตสาหกรรมเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง หนึ่งในนั้นคือบริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด จากประเทศไทย นอกจากนี้ ในระหว่างการประชุม หัวเว่ยยังได้เปิดตัวโซลูชั่น FusionServer V5 โซลูชั่น CloudCampus และโซลูชั่นระบบสำรองไฟ FusionPower5000-S สำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยโซลูชั่นเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อเร่งการพลิกโฉมธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลในหมู่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ตลอดจนยกระดับการให้บริการเพื่อความเจริญก้าวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัล
การบูรณาการระบบดิจิทัลของกลุ่มประเทศอาเซียนจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงวิถีชีวิตที่อัจฉริยะและปลอดภัย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและผลักดันการพัฒนาสังคมอัจฉริยะ ปัจจุบัน เทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนจำนวนมาก บรรดาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในเอเชียแปซิฟิกจึงต้องเร่งเดินหน้าพัฒนาธุรกิจของตนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงขับเคลื่อนเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซ เครือข่ายสังคมออนไลน์ เกมบนมือถือ และการชำระเงินผ่านมือถือในทุกประเทศ
ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจำเป็นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีที่มั่นคง ซึ่งจะช่วยเร่งการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัล คุณฉิว เล่ย รองประธานฝ่ายโซลูชั่นผลิตภัณฑ์และการตลาดของ หัวเว่ย เอ็นเตอร์ไพรซ์ บิสิเนส กรุ๊ป กล่าวเปิดการประชุมว่า "เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในการพลิกโฉมธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลและยกระดับการให้บริการดิจิทัล ด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไอซีทีครบวงจร พร้อมโซลูชั่น cloud-pipe-device เพื่อสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบเปิดที่มีความยืดหยุ่นและปลอดภัย นอกจากนี้ เรายังดำเนินงานตามกลยุทธ์ "Platform + Ecosystem" ด้วยการทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายรายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งในส่วนของการให้บริการที่ฉับไว การนำเสนอทรัพยากรที่ยืดหยุ่น การวิเคราะห์บิ๊กดาต้า การเชื่อมโยงโครงข่ายศูนย์ข้อมูลบรอดแบนด์ความเร็วสูง ตลอดจนการเข้าถึงบริการ VR และ HD ซึ่งจะเปิดทางให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตสามารถพลิกโฉมธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลและยังคงมีความสามารถในการแข่งขันในยุคดิจิทัล"
บรรดาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรุ่นบุกเบิกกำลังอยู่ระหว่างการพลิกโฉมธุรกิจสู่ระบบดิจิทัล โดยได้รับแรงผลักดันจากเทคโนโลยีไอซีทีใหม่ๆ ที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งคลาวด์ บิ๊กดาต้า และปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงความต้องการใช้ทรัพยากรแบบกระจายและการสำรองข้อมูล และการที่องค์กรต่างๆ ใช้บริการคลาวด์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจำนวนมากต่างใช้บริการคลาวด์เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและเปลี่ยนโครงสร้างไอซีที จากศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ตแบบเดิมมาเป็นศูนย์ข้อมูลคลาวด์
คุณอิ่ง คิน เหลียง ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีประจำฝ่ายขายโซลูชั่นและการตลาดของหัวเว่ย เอ็นเตอร์ไพรซ์ บิสิเนส กรุ๊ป แสดงความคิดเห็นว่า "ในฐานะผู้พัฒนาและให้บริการคลาวด์ หัวเว่ยพยายามช่วยเหลือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในการพลิกโฉมธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ด้วยการสร้างศูนย์ข้อมูลคลาวด์ พร้อมให้บริการจัดการระบบคลาวด์แบบครบวงจร ตลอดจนเร่งผลักดันการใช้งาน เพิ่มความคล่องตัว และอนุรักษ์พลังงาน"
คุณสันติ เมธาวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการและกรรมการผู้จัดการบริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด กล่าวว่า "หัวเว่ยให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์และเทคโนโลยี DWDM ที่ช่วยให้เราสามารถนำเสนอบริการคลาวด์ที่มีแบนด์วิดท์สูง มีความจุขนาดใหญ่ และมีความน่าเชื่อถือสูง"
โซลูชั่นใหม่ของหัวเว่ยช่วยให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตพลิกโฉมธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว
ในการประชุมครั้งนี้ หัวเว่ยได้จัดแสดงโซลูชั่นใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ในการปรับโครงสร้างการดำเนินงานและโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนเร่งกระบวนการพลิกโฉมธุรกิจสู่ระบบดิจิทัล
- FusionServer V5 platform solution: โซลูชั่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น 30% สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว ใช้ระบบที่มีความน่าเชื่อถือ ทั้งยังให้บริการได้อย่างฉับไวและยืดหยุ่น โดยมาพร้อมฟีเจอร์ Smart Fault MGM ที่สามารถป้องกันความผิดปกติของระบบได้ถึง 93% และลดการกินไฟของระบบลงได้ 16% ทั้งยังสะดวกในการบำรุงรักษา และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้วย
|