- เสริมประสิทธิภาพด้วยปัญญาประดิษฐ์
- มอบโอกาสใหม่ๆแก่ผู้บริการเครือข่าย เพื่อการเติบโตในการให้บริการดิจิทัล
- นำเสนอบริการไมโครเซอร์วิสและสถาปัตยกรรมแบบ multi-tenant ที่พร้อมใช้บนคลาวด์
Comviva ผู้นำระดับโลกด้านโมบิลิตี้โซลูชั่น ประกาศเปิดตัว Digital Services Delivery Platform (DSDP 2.0) แพลตฟอร์มส่งมอบบริการดิจิทัลเวอร์ชั่นใหม่ ที่จะช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือไปได้ไกลกว่าการให้บริการเชื่อมต่อเพียงอย่างเดียว พร้อมมอบโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ในการให้บริการด้านดิจิทัล
(โลโก้:
https://mma.prnewswire.com/media/721519/Comviva_Logo.jpg )
บทบาทที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีดิจิทัล ได้ทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายจำนวนมากต้องกลายมาเป็นผู้ควบคุมในแง่ของการสร้างมูลค่า เนื่องจากช่วยให้พวกเขามีโอกาสในการส่งมอบประสบการณ์ทางดิจิทัลได้อย่างแท้จริง ด้วยการอำนวยความสะดวกด้านดิจิทัลให้กับพันธมิตรของพวกเขา และในขณะที่การเปลี่ยนผ่านกำลังดำเนินไปด้วยความรวดเร็วเช่นนี้ กลยุทธ์แบบรวมศูนย์ก็ช่วยสร้างความมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงจากบริการแบบกายภาพสู่บริการแบบดิจิทัลจะทำให้ผู้ให้บริการมีประสิทธิภาพและโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น แพลตฟอร์ม DSDP 2.0 จึงถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาโดยคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นสำคัญ ด้วยการกำหนดกรอบการทำงานไว้อย่างแข็งแกร่งและรวดเร็วเพื่อให้การพัฒนาและให้บริการด้านดิจิทัลเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) และค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) ตลอดจนระยะเวลาที่ต้องใช้ในการทำการตลาดให้น้อยลง
อาตุล มาดาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการด้าน Mobile Lifestyle Solutions ของ Comviva กล่าวว่า "ในตลาดโทรคมนาคมที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงทุกวันนี้ ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายก็คือการทำงานร่วมกับพันธมิตรและสร้างธุรกิจตลอดจนบริการใหม่ๆ ที่จะมอบประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย และแพลตฟอร์มนี้ของเราก็เป็นแพลตฟอร์มแห่งอนาคตสำหรับการให้บริการทางดิจิทัลอย่างแท้จริง เนื่องจากมีการคำนึงถึงความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีล่าสุดและมีความสามารถที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสำรวจและค้นพบโอกาสใหม่ในยุคดิจิทัลได้ โดยไม่ทำให้ตัวเองต้องเสี่ยงหรือมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น"
นอกจากคอนเทนต์, การบริการ, อุปกรณ์, การจัดการการฉ้อโกงและ API แล้ว แพลตฟอร์ม DSDP 2.0 ยังมาพร้อมกับความสามารถใหม่ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ เช่น การรับรู้ภาพและวิดีโอ, การปรับภาพและวิดีโอให้เหมาะสม, การแปลงรหัสสื่อ, การตรวจจับวัตถุ, การสร้างเมต้า-ดาต้าอัตโนมัติ, NLP สำหรับหน้าจอสนทนา, การถอดตัวอักษรและการแปลภาษา, การแปลข้อความเป็นเสียง และการจัดการฐานข้อมูลภาพ
สถาปัตยกรรมแบบ multi-tenant ที่พร้อมใช้งานบนคลาวด์ซึ่งถูกออกแบบมาบนพื้นฐานของไมโครเซอร์วิสให้รองรับการใช้งานในอนาคตนี้ ช่วยให้อินเทอร์เฟซสามารถเข้าถึงความสามารถที่แตกต่างกันของแพลตฟอร์มได้อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แพลตฟอร์มกลายมาเป็น 'Capabilities as a Service Platform' (CaaS Platform) สำหรับบริการแบบไมโครเซอร์วิสนี้มีให้บริการในรูปแบบของ API แบบเปิดเพื่อให้ใช้งานได้ตามความสามารถของแพลตฟอร์ม โดยที่มีกลไกความปลอดภัยแบบสองชั้นทั้งในแนวตั้งและแนวนอนจะช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีจุดตรวจสอบหลายจุดก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆในระบบ
สื่อมวลชนติดต่อ: ซันดีป เมห์ตา,
[email protected] ที่มา: Comviva
