iqpressrelease
|
|
« เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2019, 08:41:42 » |
|
ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม โซลูชั่นอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่สำหรับองค์กรธุรกิจและผู้บริโภครายใหญ่ของโลก ประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดแสดงเทคโนโลยี 5G เชิงพาณิชย์ล่าสุดของบริษัท ที่งานมหกรรม Mobile World Congress (MWC) 2019 ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ ขณะเดียวกัน บริษัทยังจะร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและหลักปฏิบัติทางธุรกิจในการสำรวจการให้บริการ 5G รูปแบบใหม่ ๆ ตลอดจนความร่วมมือในการติดตั้งเครือข่ายร่วมกับผู้ประกอบการทั่วโลก
ที่งานมหกรรม MWC ครั้งนี้ ZTE จะเผยโฉมอุปกรณ์เรือธง 5G ตัวแรกของบริษัท ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในตลาดยุโรปและจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 พร้อมแนะนำสมาร์ทโฟน Blade V10 Series รุ่นล่าสุด เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ ZTE ในการส่งมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครแก่ผู้บริโภครุ่นใหม่ทั่วโลก สำหรับการสาธิตทางเทคนิคที่น่าตื่นเต้นอื่น ๆ ภายในงาน จะประกอบไปด้วย 5G Indoor Customer Premises Equipment (CPE), Internet of Things ( IoT), Internet of Vehicles (IoV) และ Mobile Broadband (MBB)
เพื่อให้สอดคล้องกับธีมหลักของงานปีนี้ คือ 'การเชื่อมต่ออัจฉริยะ' ZTE จะเน้นไปที่การนำเสนอเครือข่ายอัจฉริยะที่เรียบง่ายแต่ครบวงจร ด้วยบริการแบบจัดเต็ม ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า สถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย ตลอดจนเครือข่าย 5G Radio Access Network (RAN) ที่เป็นอัจฉริยะและมีการหลอมรวมอย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ ZTE จะจัดแสดงโซลูชั่น Unisite ที่ใช้ผลิตภัณฑ์สถานีฐานแบบอนุกรม โดยชูคุณสมบัติเด่น ได้แก่ การรวมระบบได้อย่างยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพสูง ใช้งานได้ในหลายย่านความถี่ และใช้งานได้หลายโหมด ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่พร้อมดำเนินการพัฒนาเครือข่าย 5G เพื่อการใช้งานในเชิงพาณิชย์ โดยที่โซลูชั่น Unisite นี้จะช่วยลดความยุ่งยากและต้นทุนในการติดตั้งเครือข่าย 5G ในขณะเดียวกันก็มอบประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ขณะที่โซลูชั่น 5G Common Core ของ ZTE ซึ่งถือเป็นโซลูชั่นแรกของอุตสาหกรรม จะใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรมเชิงบริการ หรือ Service-based Architectures (SBA) เพื่อรองรับการเข้าถึงและการบรรจบกันของเครือข่าย 2G/3G/4G/5G อย่างเต็มรูปแบบ เช่นเดียวกับ 3GPP R15 SA และ NSA ซึ่งจะช่วยให้สามารถเปิดใช้งานสถาปัตยกรรมได้แค่ในขั้นตอนเดียว
ZTE พร้อมแล้วสำหรับการเป็นรายแรกในการพัฒนา 5G เชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ โดยบริษัทได้ดำเนินการตรวจสอบสถานที่บริการ 5G ครบวงจรสำหรับการให้บริการมือถือระบบ 5G แห่งแรกของโลกเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านโซลูชั่น 5G ของบริษัท และในฐานะที่เป็นผู้นำในด้านดังกล่าว ZTE ยังคงมุ่งมั่นทำงานร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้างมากขึ้น ด้วยการส่งเสริมให้มีการใช้งานเทคโนโลยี 5G ในเชิงพาณิชย์ ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับเครือข่าย และวางระบบระเบียบที่สอดคล้องตามข้อกำหนด
Ms. Cui Li รองประธาน ZTE Corporation กล่าวว่า "ZTE ได้ทุ่มเทให้กับการสร้างเครือข่ายไร้สายที่โดดเด่นด้วยการมอบบริการ 5G ที่สมบูรณ์แบบที่สุด รวมถึง 5G O&M อันชาญฉลาด และระบบ 5G ที่ติดตั้งใช้งานได้ง่ายที่สุดแก่บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายในยุค 5G โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทั้งหมดที่มีอยู่ ชุดผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่รองรับการใช้งานกับเทคโนโลยี Radio Access Technologies (RAT) ได้ทั้งหมดและในทุกสถานการณ์ ทำให้ ZTE มีเครือข่ายที่เรียบง่ายและครอบคลุมเพื่อมอบให้แก่ผู้ประกอบการเครือข่ายทั่วโลก นอกจากนี้ขุมพลังจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังช่วยให้ ZTE ได้นำเอาความชาญฉลาดที่มีอยู่มากมายมาใช้ในการพัฒนาเครือข่าย 5G อัจฉริยะได้ตามต้องการ พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพและการทำงานของเครือข่ายให้ดีขึ้นได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน"
ZTE ยกโซลูชั่นมาจัดแสดงอย่างครบครันที่งาน MWC 2019
ZTE อยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นในการสนับสนุนกระบวนการพัฒนาเครือข่าย 5G สู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ระดับโลก ด้วยชุดผลิตภัณฑ์โซลูชั่นครอบคลุมครบวงจรที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์ที่มีความเป็นอัจฉริยะ แต่เรียบง่าย ซึ่งที่งาน MWC ในปีนี้ บริษัทพร้อมแบ่งปันประสบการณ์ภาคปฏิบัติที่ได้รับจากการติดตั้งและจัดการเทคโนโลยี 5G ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อแสดงสมรรถนะขีดความสามารถเชิงพาณิชย์ของเครือข่ายทั้งแบบ Standalone (SA) และ Non-standalone (NSA) อย่างเต็มที่ สำหรับการสาธิตที่จะเกิดขึ้นภายในงาน ประกอบด้วย:
- การถ่ายทอดสดการใช้งานโซลูชั่นที่ผสมผสานเทคโนโลยี 5G และการประมวลผลแบบ Multi-access Edge Computing (MEC) เข้าด้วยกัน สำหรับใช้ในสนามแข่งและสนามกีฬา ผู้ชมจะได้สัมผัสกับที่สุดของประสบการณ์ภาพและเสียงจากหลากหลายมุมแบบนาทีต่อนาที - การนำเสนอแอปพลิเคชั่น Virtual Reality (VR) ระบบคลาวด์ การออกแบบเครือข่ายอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลในรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนแอปพลิเคชั่นการผลิตอัจฉริยะบนเครือข่าย 5G ที่มีแบนด์วิธขนาดใหญ่ รับส่งข้อมูลรวดเร็ว และมีความน่าเชื่อถือในระดับสูง - ประสิทธิภาพการทำงานของหุ่นยนต์ 5G ในการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการจากระยะไกลผ่านเครือข่าย 5G พร้อมการควบคุมแบบเรียลไทม์ และตอบสนองต่อความเร็วในระดับมิลลิวินาที ปิดท้ายด้วยการนำเสนอ man-machine dance
|