ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมและเทคโนโลยีโมบายอินเทอร์เน็ตสำหรับลูกค้าองค์กรและผู้บริโภครายใหญ่ของโลก ได้รับรางวัล Global 5G Infrastructure Technology Leadership Award 2018 จาก Frost & Sullivan ในงาน Mobile World Congress (MWC) 2019 ที่บาร์เซโลนา อันเป็นผลพวงมาจากความเป็นผู้นำด้านการให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐาน เครื่องมือ และอุปกรณ์ 4G, Pre5G และ 5G
ในแต่ละปี Frost & Sullivan จะมอบรางวัล Technology Leadership Award ให้แก่บริษัทที่แสดงความเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า
ZTE ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน 5G ด้วยการลงทุนอย่างมหาศาลในการสร้างมาตรฐาน 5G รวมถึงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำให้เข้าใจข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยี 5G อย่างลึกซึ้ง บริษัททำงานเกี่ยวกับการใช้งาน 5G มาตลอดหลายปี โดยมีการเปิดตัว AAU 5G, ระบบรับส่งข้อมูล 5G, เครือข่ายหลัก 5G, อุปกรณ์ 5G และโซลูชั่น 5G ครบวงจรอื่นๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งาน 5G เชิงพาณิชย์ในวงกว้าง
สถานีฐาน 5G ของ ZTE สามารถนำไปใช้กับระบบนิเวศ 5G ที่หลากหลาย ผู้ให้บริการจึงสามารถสร้างเครือข่าย 5G ที่ครอบคลุม มีประสิทธิภาพสูง ติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว และคุ้มราคา
ในแง่ของสถาปัตยกรรม โซลูชั่นที่ยืดหยุ่นของ ZTE สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ให้บริการในการใช้งาน 5G ที่หลากหลาย ตั้งแต่โหมด SA (stand-alone) ไปจนถึง NSA (non-stand-alone)
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ZTE ได้ร่วมมือกับ Qualcomm และ China Mobile ทำการเชื่อมต่อข้อมูล 5G โหมด SA ตามมาตรฐาน 3GPP R15 ที่ความถี่ 2.6GHz โดยใช้สถานีฐาน 5G และอุปกรณ์ 5G เชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกของโลก
ในส่วนของเครือข่ายหลัก โซลูชั่น Convergent Common Core ของ ZTE ซึ่งได้มาตรฐาน 3GPP R16 SBA+ มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของ CUPS รวมถึงแหล่งทรัพยากรแบบกระจายและเครือข่ายแบบแยกส่วน (Network Slicing) เพื่อช่วยผู้ให้บริการสร้างเครือข่ายหลักที่คล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็ว รองรับความต้องการที่หลากหลายของเครือข่ายแบบอยู่กับที่ รวมถึง 2G/3G/4G/5G ตลอดจนอุตสาหกรรมแนวดิ่ง
ในส่วนของการรับส่งข้อมูล โซลูชั่น 5G Flexhaul ของ ZTE ครอบคลุมทุกการใช้งานตั้งแต่ front-haul ไปจนถึง back-haul ทั้งยังเป็นผู้นำในด้าน latency รวมถึง clock synchronization ที่มีความแม่นยำสูง และเครือข่ายแบบแยกส่วน ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์รับส่งข้อมูลครบวงจรของ ZTE พร้อมสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์แล้ว
จนถึงขณะนี้ ZTE ได้ประกาศความเป็นเจ้าของสิทธิบัตร 3GPP 5G Standard Essential Patents (SEP) มากกว่า 1,000 รายการต่อ Telecommunications Standardization Institute (ETSI) นอกจากนี้ บริษัทยังได้ริเริ่มและมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเทคโนโลยี Non Orthogonal Multiple Access (NOMA) ด้วยการเป็นผู้นำในโครงการวิจัยที่มีความสำคัญต่อการกำหนดมาตรฐาน NOMA
คุณวิกรานต์ คานธี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมของ Frost & Sullivan กล่าวว่า "ZTE เข้าใจความต้องการด้าน 5G ของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ และมีความมุ่งมั่นในการยกระดับเครือข่ายแห่งอนาคต ผลิตภัณฑ์ 5G ครบวงจรของบริษัท รวมถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และประวัติความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในเชิงพาณิชย์ คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน 5G ในอนาคต"
คุณไป๋ หยานหมิน รองประธานและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายผลิตภัณฑ์ TDD และ 5G ของ ZTE กล่าวว่า "ZTE ยึดมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างยาวนาน บริษัทนำประสบการณ์ที่ได้มาจากการลงมือปฏิบัติมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ จึงมีความได้เปรียบในการนำ MIMO มาใช้ในเชิงพาณิชย์ รวมถึงการรับรองเชิงพาณิชย์ครบวงจร และการติดตั้งเครือข่าย SA แบบอิสระ บริษัทมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการใช้งานเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์ในวงกว้าง และเชื่อมั่นในการผลักดันอุตสาหกรรม 5G ให้เติบโตเต็มที่โดยร่วมมือกับบรรดาผู้ให้บริการและพันธมิตร"
สำหรับรางวัล Frost & Sullivan Best Practices Awards ยกย่องบริษัทในระดับภูมิภาคและระดับโลกที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่โดดเด่นและผลงานอันเหนือชั้นทั้งในด้านความเป็นผู้นำ นวัตกรรมเทคโนโลยี บริการลูกค้า และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ โดยนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมจะทำการเปรียบเทียบผู้เล่นในตลาดและวัดผลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก การวิเคราะห์ และการวิจัยขั้นทุติยภูมิ เพื่อเฟ้นหาวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม
