iqpressrelease
|
|
« เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2019, 17:20:12 » |
|
สร้างเครือข่ายแคมปัสรุ่นใหม่ล่าสุดที่ทั้งรวดเร็ว อัจฉริยะ เปิดกว้าง และให้ความสำคัญกับงานบริการเพื่อรองรับยุค Wi-Fi 6
หัวเว่ยประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญในด้านเครือข่ายแคมปัส ด้วยการเปิดตัว access switch, aggregation switch และ core switch ในซีรีส์ CloudEngine S ถึง 16 รุ่น ในบรรดาผลิตภัณฑ์ที่ถูกเปิดตัวครั้งนี้ CloudEngine S12700E ซึ่งเป็น core switch รุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับเครือข่ายแคมปัสได้นำเอาชิปเซ็ตพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้เพื่อเพิ่มความสามารถของสวิตช์ด้วยความเร็วที่ทำสถิติสูงถึง 57.6 เทระบิตต่อวินาที อีกทั้งยังมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษต่างๆ จึงทำให้ผลิตภัณฑ์รุ่นนี้นับเป็นส่วนสำคัญของการบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางของหัวเว่ยที่ถูกออกแบบมารองรับการเข้าสู่ยุคแห่ง Wi-Fi 6 นอกจากนี้ การปรับปรุงระบบเครือข่ายอัตโนมัติและความสามารถในการดำเนินการและซ่อมบำรุงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังทำให้โซลูชั่น CloudCampus ของหัวเว่ย มีประสิทธิภาพในการให้บริการเพิ่มมากขึ้นและเข้าไปช่วยองค์กรทุกขนาดให้สามารถสร้างเครือข่ายแคมปัสภายในองค์กรโดยยึดการให้บริการเป็นศูนย์กลางได้อย่างรวดเร็ว
Kitty Fok กรรมการผู้จัดการบริษัท International Data Corporation (IDC) ประเทศจีน เปิดเผยขณะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ว่า "การเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลได้เข้าสู่ระยะใหม่แล้ว โดย IDC คาดว่าภายในปี 2563 องค์กรราว 55% จะมีความสามารถในการ "ตัดสินใจแบบดิจิทัล" เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึก ความอัจฉริยะ ความเป็นอัตโนมัติ และการร่วมมือในทุกระดับ" และในวิสาหกิจดิจิทัลประเภทนี้ เราจะสามารถพบเห็นเครือข่ายดังกล่าวได้ทั่วไปเช่นเดียวกับอากาศที่เราหายใจ ซึ่งจะช่วยให้การบริการจัดการเป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
"เครือข่ายแคมปัส ซึ่งเป็นรากฐานของการสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลแห่งอนาคตสำหรับองค์กรต่างๆ กำลังเปลี่ยนจากการให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อของข้อมูลมาเป็นการเชื่อมโยงในการบริการ เมื่อเป็นเช่นนี้ การสร้างเครือข่ายแคมปัสที่ขับเคลื่อนแบบมุ่งเน้นจึงเป็นพันธกิจสำคัญที่สุดของเรา" Zhao Zhipeng ประธานฝ่าย Campus Network Domain แผนก Data Communication Product Line ของ หัวเว่ยกล่าว "ในยุคของ Wi-Fi 6 ในปัจจุบันนี้ เครือข่ายแคมปัสควรมีคุณสมบัติใหม่ๆ อย่างเช่น ความจุขนาดใหญ่พิเศษ ค่าความหน่วงเวลาต่ำที่ 10 มิลลิวินาที ระบบการทำงานแบบ zero-configuration และความสามารถในการเยียวยาตัวเองจากความเสียหายของเครือข่าย นอกจากนี้ยังควรใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเปิด เพื่อเอื้อให้เกิดการพัฒนาที่ไหลลื่นจากเครือข่ายแคมปัสแบบดั้งเดิมไปสู่เครือข่ายอัจฉริยะที่เรียบง่ายขึ้น"
ผลิตภัณฑ์ CloudEngine S-Series Campus Switch รุ่นใหม่ของหัวเว่ย
แคมปัสสวิตช์ CloudEngine รุ่นใหม่ล่าสุดนี้มีทั้งหมด 16 รุ่น ได้แก่ CloudEngine S5700 series (GE access switch แบบอัจฉริยะ), CloudEngine S6700 series (10GE routing aggregation switches) และ CloudEngine S12700E series (core switch แห่งนวัตกรรมซึ่งมีสมรรถนะสูงที่สุดในอุตสาหกรรม) ซึ่งผ่านการรับรองจากบริษัท Tolly Group ว่าเป็นสวิตช์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมถึงหกเท่า ด้วยคุณสมบัติที่มาพร้อมแบนด์วิดท์แบบ single-slot ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีจำนวนพอร์ต 100GE สูงที่สุด เพื่อมอบประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์รุ่นใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ Huawei CloudEngine S-series ยังเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่มีสมรรถนะการทำงานผสมผสานระหว่างแบบไร้สายและมีสายที่มาพร้อมระบบตรวจจับภัยคุกคาม อีกทั้งรองรับการทำงานกับเทคโนโลยีการส่งข้อมูลทางไกลอีกด้วย
เครือข่ายแคมปัสที่ชาญฉลาดและเรียบง่าย มุ่งสร้างความเชื่อมโยงในการให้บริการ
เครือข่ายที่มุ่งเน้นการให้บริการ ไม่เพียงแค่นำเสนอการเชื่อมต่อของอัลตร้าบอร์ดแบนด์เพียงเท่านั้น แต่ยังมีระบบการจัดการแบบอัตโนมัติ และระบบการดำเนินการและซ่อมบำรุงอัจฉริยะ เพื่อเร่งให้เกิดการบริการที่เร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพและประสบการณ์การใช้งานแบบเรียลไทม์
- ระบบการจัดการแบบอัตโนมัติ: การใช้งานออฟฟิศเคลื่อนที่และการประยุกต์ใช้คลาวด์ที่กำลังแพร่หลาย ได้ทำให้การจัดการนโยบายเครือข่ายยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว Huawei CloudCampus Solution จึงตั้งศูนย์การจัดการเครือข่ายแบบครบวงจรขึ้นมา เพื่อดำเนินการวางแผน, ติดตั้ง และกำหนดนโยบาย ตลอดจนการจับตาดูเครือข่ายแบบอัตโนมัติในระบบ WLAN, LAN และ WAN ผ่าน Graphical User Interfaces (GUIs) โดยไม่จำเป็นต้องมี Command Line Interfaces (CLIs) เหมือนอย่างเคย ซึ่งทำให้สามารถพัฒนาประสิทธิภาพในการจัดการเครือข่ายได้ถึง 80%
- ระบบการดำเนินการและซ่อมบำรุงอัจฉริยะ: ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะสามารถแก้ไขได้อย่างถูกต้องแม่นยำและรวดเร็วก็ต่อเมื่อประสบการณ์เครือข่ายของผู้ใช้สามารถวัดได้ในเชิงปริมาณ ด้วยเหตุนี้ Huawei จึงได้พัฒนาระบบการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning - ML) และระบบการดำเนินการและซ่อมบำรุงอัจฉริยะโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ ระบบใหม่นี้จะช่วยให้มีการวัดประเมินประสบการณ์ในเชิงปริมาณ การวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา และการทำนายความเสียหายอัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยให้สามารถหาตำแหน่งและแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที
|