ไมโครซอฟท์เสนอโอกาสในการเป็นเจ้าของซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ รวมถึง วินโดวส์ 7 ในราคาพิเศษ
พร้อมส่งเสริมให้ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ปลอดภัย ด้วยเครื่องมือทางด้านไอทีล่าสุดจากไมโครซอฟท์
กรุงเทพฯ - 28 ธันวาคม 2552 - จากความสำเร็จของโครงการนำร่องและผลตอบรับที่ดีเยี่ยมจากร้านอินเทอร์เน็ต คาเฟ่ทั่วทั้งประเทศ ปี 2552 นับเป็นปีที่บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ขยายโครงการ iCafé ออกไปในระยะที่ 3 พร้อมด้วยความร่วมมือต่างๆ ที่จะเพิ่มมากขึ้นในปี 2553 ทั้งนี้ การดำเนินการโครงการดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เยาวชนทั่วประเทศได้มี โอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีในแหล่งการเรียนรู้ที่ปลอดภัย และเพื่อให้เจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ได้มีโอกาสในการประกอบธุรกิจที่ถูก ต้องด้วยซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์จากไมโครซอฟท์ในราคาพิเศษ
จาก บรรดาร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ทั่วประเทศจำนวน 15,000 ร้าน มีร้านที่เข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 4,000 ร้านด้วยกันในช่วงระยะการดำเนินงานทั้ง 2 เฟสที่ผ่านมา โดยจำนวนร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่เข้าร่วมโครงการสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็น 8,000 กว่าร้าน หลังจากที่ได้มีการขยายโครงการออกไปในเฟสที่ 3 ซึ่งได้มีการจัดกิจกรรมโรดโชว์เมื่อต้นปีที่ผ่านมาที่กรุงเทพฯ อุบลราชธานี และเชียงใหม่ และยังมีเสียงเรียกร้องจากเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เป็นจำนวนมากที่ต้อง การจะเข้าร่วมโครงการ ไมโครซอฟท์จึงจะดำเนินโครงการในระยะต่อไปในต้นปี 2553 เพื่อให้ผู้ที่พลาดโอกาสในครั้งก่อนๆ ได้เข้าร่วมโครงการ
นาง สาว ปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ความร่วมมือกับร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ทั่วประเทศภายใต้โครงการนี้ หมายถึง การทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น เนื่องด้วยร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการเข้าถึง เทคโนโลยีของคนในประเทศ ดังนั้น การดำเนินโครงการกับร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่อย่างใกล้ชิด คือ การที่เรากำลังเสริมสร้างให้เกิดการใช้ไอทีมากขึ้นผ่านทางการใช้ซอฟต์แวร์ ลิขสิทธิ์ โครงการนี้ยังช่วยส่งเสริมให้เกิดการสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการเรียนรู้ที่ เหมาะสมสำหรับเยาวชน ด้วยโปรแกรม e-learning ของไมโครซอฟท์ ซึ่งมั่นใจได้ว่าเยาวชนจะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังได้ฝึกทักษะการใช้ไอที นอกจากนี้ ด้วยซอฟต์แวร์ราคาพิเศษ โครงการนี้ได้ช่วยเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ให้มีเครื่องมือในการประกอบ ธุรกิจอย่างถูกต้อง สามารถสร้างกำไร และดำเนินธุรกิจที่ถูกกฎหมายด้วยซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ของแท้ 100%
นอก เหนือไปจากการได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ในราคาพิเศษ ซึ่งรวมไปถึงวินโดวส์ 7 และไมโครซอฟท์ ออฟฟิศแล้ว ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่เข้าร่วมโครงการยังจะได้รับสิทธิพิเศษอื่นๆ มากมาย อาทิ การตกแต่งร้าน โปรแกรมอีเลิร์นนิ่ง ซอฟต์แวร์กรองเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน รวมทั้งการฝึกอบรมการใช้โปรแกรมไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 2007 เพื่อที่เจ้าของร้านจะได้มีความรู้ในการแนะนำลูกค้า และช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนาทักษะการทำงานและสามารถใช้ประโยชน์จากไอทีได้ อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เสียงตอบรับจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่
นายชัยโรจน์ ลายประดิษฐ์ธำรง เจ้าของร้าน S Games and Internet ในจังหวัดอุดรธานี ผู้เข้าร่วมโครงการ iCafé ของ ไมโครซอฟท์ กล่าวว่า "ในร้านของผมมีเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด 70 เครื่อง ซึ่งล้วนแต่ติดตั้งซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ทั้งสิ้น เมื่อผมทราบข่าวเกี่ยวกับโครงการ iCafé ของไมโครซอฟท์จากเว็บไซต์ Get it Right ผมก็ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมโครงการทันทีเพื่อ ที่จะได้มั่นใจว่าทางร้านได้นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับปัญหาทางด้านกฎหมาย นับตั้งแต่ที่ได้เข้าร่วมโปรแกรมดังกล่าว ผมรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง และดีใจที่ไมโครซอฟท์ตระหนักถึงความสำคัญของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในประเทศ ไทยและสนับสนุนเราด้วยซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ในราคาพิเศษ ผลตอบรับจากลูกค้าก็ดีมาก เพราะพวกเขาได้มีโอกาสใช้งานซอฟต์แวร์วินโดวส์ 7 แท้ รวมทั้งสามารถเล่นเกมส์ต่างๆ ที่รันบนแพล็ตฟอร์มของไมโครซอฟท์ได้เป็นอย่างดี"
"ขณะ นี้ ทางตำรวจต่างก็เข้มงวดกับการตรวจจับซอฟต์แวร์มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลแอบอ้างชื่อตำรวจเพื่อมาหลอกเอาเงินจากร้านอิน เทอร์เน็ตคาเฟ่ที่ใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนอีกด้วย" นายไพโรจน์ ลีเกษม เจ้าของร้าน Home Theatre and Net Shop ในจังหวัดมหาสารคาม กล่าว "การได้เข้าร่วมโครงการทำให้ผมไม่ต้องกังวลกับการตรวจจับเหล่านี้ อีกทั้งค่าปรับจากการใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนยังมีราคาแพงกว่าการลงทุนซื้อ ซอฟต์แวร์แท้อีกด้วย นอกจากนี้ ทางร้านยังได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟท์ ซึ่งนับเป็นการลงทุนในระยะยาวที่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง และมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ดีกว่า ทั้งยังให้โอกาสผมสำหรับการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต"
ประเทศแรกในโลก
โครงการ iCafé ในประเทศไทยถือเป็นโครงการนำร่องประเทศแรกในโลก เกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) กระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลร้านอินเทอร์เน็ตและร้านเกมส์ทั่วประเทศ โดยจากการสำรวจความต้องการของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ทั่วประเทศส่วนใหญ่พบว่า ต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนให้ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่มีโอกาสดำเนินธุรกิจอย่าง ถูกต้องและเหมาะสมในด้านซอฟต์แวร์ อีกทั้งช่วยเปลี่ยนความคิดของคนส่วนใหญ่ที่คิดว่าร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่มี ภาพพจน์ที่เป็นแหล่งมั่วสุมไปเป็นแหล่งสำหรับการเรียนรู้
นาง สาวปฐมา กล่าวเพิ่มเติมว่า "เรามองว่าร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเรียนรู้สำหรับ เยาวชน และช่วยทำให้พวกเขาได้มีโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีได้ดียิ่งขึ้น ผู้คนจำนวนมากในท้องถิ่นที่ห่างไกลยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยี เนื่องจากพวกเขาไม่มีคอมพิวเตอร์ของตนเอง และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงเรียนยังมีไม่เพียงพอ ในความเป็นจริงแล้ว อัตราการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของนักเรียนในปัจจุบันอยู่ที่ 100:1 ดังนั้น โครงการ iCafé จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว และช่วยสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่เท่าเทียมกัน โดยการสนับสนุนให้เยาวชนออกไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมนอกห้องเรียนในแหล่ง การเรียนรู้ที่ปลอดภัยและเหมาะสม ในขณะเดียวกัน ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดจากไมโครซอฟท์ ผู้ใช้งานทั่วไปก็สามารถใช้ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เป็นเสมือนห้องสมุดที่ 2 สำหรับการค้นหาตำแหน่งงาน รวมทั้งการค้นคว้าหาข้อมูลที่พวกเขาต้องการสำหรับการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคต"
สำหรับ ผู้ซื้อที่ไม่ใช่องค์กรที่สนใจจะซื้อวินโดวส์ 7 สามารถเข้าใช้บริการที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่เข้าร่วมโครงการ iCafé เพื่อทดลองและสัมผัสประสบการณ์การใช้งานวินโดวส์ 7 ด้วยตนเองก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ สำหรับร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่สนใจ สามารถสมัครเข้าร่วมในโครงการในระยะต่อไปได้ในเดือนมกราคม 2553 โดยสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการได้ที่
www.microsoft.com/thailand/get-it-rightคลิกเพื่ออ่านฉบับเต็ม!
