รายละเอียดโครงงานจ้างแรงงาน "นิสิตจบใหม่" 2.6 แสนอัตรา จากกรณีที่ ตอนวันที่ 2 ก.ย. 63 นายดนุชา พิชยความสำราญ รองเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒที่นาเศรษฐกิจรวมทั้งสังคมแห่งชาติ(สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) แถลงผลของการประชุมศูนย์บริหารเหตุการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลพวงจากการแพร่ระบาดวัววิด-19 หรือ ศบศ.ว่า ที่ประชุมศบศาสตราจารย์ เห็นชอบมาตรการผลักดันการจ้างแรงงานผู้จบการศึกษาใหม่ปี 2562-2563 กว่า 450,000 คน โดยมีอัตราการว่าจ้างปริมาณ 260,000 อัตรา โดยใช้งบประมาณ 23,000 ล้านบาท สำหรับจุดประสงค์หลักของมาตรการฯ เพื่อส่งเสริมการจ้างแรงงานผู้จบการศึกษาใหม่ซึ่งมีอัตราจ้างตามวุฒิการศึกษา ดังนี้ - ระดับปริญญาตรี เดือนละ 15,000 บาท - ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส) เดือนละ 11,500 บาท - ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช) เดือนละ 9,400 บาท "ซึ่งรัฐบาลจะให้การสนับค่าตอบแทน 50% ของค่าตอบแทนรายเดือนตามวุฒิการศึกษาไม่เกิน 7,500 บาทต่อเดือนต่อคน"นายดนุชา กล่าว นายดนุชา กล่าวเหตุว่า นักศึกษาจบใหม่ที่เป็นลูกจ้างที่สามารถเข้าร่วมโครงการ มีคุณลักษณะดังต่อไปนี้ - ต้องมีชนชาติไทย อายุไม่เกิน 25 ปี - หรืออายุเกิน 25 ปี แม้กระนั้นต้องจบกาเรียนในปี 2562 หรือปี 2563 - มีช่วงเวลาในการจ้างงาน 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 31 เดือนตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 2564
“ทั้งนี้การว่าจ้างจะอยู่ภายใต้ข้อแม้สำคัญหมายถึงเจ้านายจำเป็นที่จะต้องอยู่ในระบบประกันสังคม แล้วก็มีการยืนยันตัวตนผ่านกระทรวงแรงงาน ไม่ลดพนักงงานเกิน 15% ภายในเวลา 1 ปี” รองเลขาธิการสศช. กล่าวเพราะว่า นอกเหนือจากนั้นผู้ว่าจ้างควรจะมีการทำข้อตกลง 2 ส่วน ดังเช่นว่า 1. ทำความตกลงระหว่างนายจ้างกับผู้รับจ้าง 2. ลงลายลักษณ์อักษรระหว่างนายกับกระทรวงแรงงาน เพื่อไม่ให้นายจ้างมีการเลิกจ้างก่อนหมดสัญญาภายใน 1 ปี รวมทั้งในเรื่องที่ลูกจ้างลาออกในระหว่างโครงการ นายจ้างหรือเจ้าของประกอบกิจการสามารถหาผู้รับจ้างใหม่มาทดแทนได้ ล่าสุดผู้ว่าจ้างตอบรับว่าจ้างนิสิตจบใหม่ 2.6 แสนคน เมืองช่วยจ่ายเงินเดือนให้ 50 % โดยนายสุชนิด มงคลนักปราชญ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมที่เมืองไทย บอกว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รวมทั้งถูกทับถมจากพิษวัววิด ส่งผลให้นักศึกษาจบใหม่ มีโอกาสได้ดำเนินงานไม่ถึง 30% แต่ว่ามาตรการจ้างเด็กที่เพิ่งจะเรียบจบมาหมาดๆ 2.6 แสนคน โดยเมืองอุดหนุนค่าแรงงานให้ 50 % จะช่วยเพิ่มช่องทางให้ธุรกิจที่จัดเตรียมจะตัดโควตารับบัณฑิตจบใหม่ทิ้ง หันกลับมาเปิดรับอีกรอบ รวมถึงเพิ่มจังหวะให้ธุรกิจที่ตั้งหัวใจรับนิสิตจบใหม่อยู่แล้ว เพิ่มโควตาสำหรับในการเปิดรับมากขึ้น เพราะเมืองช่วยลดต้นทุนการว่าจ้าง ซึ่งอัตราจ้างบัณฑิตจบใหม่ เริ่มตั้งแต่ 9,000-20,000 บาทต่อเดือน แล้วแต่กรุ๊ปอุตสาหกรรม ความสามารถ แล้วก็ประสบการณ์ของแรงงาน โดยอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์ ออกจะนานาประการ เช่น อุตสาหกรรมของกิน อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งภาคบริการ นอกเหนือจากนั้น ตระเตรียมเสนอให้เมือง พิจารณามาตรการช่วยเหลือคนไม่มีงานทำเสริมเติม โดยขยายมาตรการประกันสังคมช่วยจ่าย 62% ของค่าตอบแทนรายเดือนไปจนถึงปลายปี แล้วก็ปัจจุบันนายกรัฐมนตรีได้รับปาก จะช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี. โดยสำหรับเพื่อการประชุมคณะรัฐมนตรีอาทิตย์หน้า เตรียมคลอดมาตรการให้การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ต้องใช้ผลิตภัณฑ์จากบริษัทที่ได้ถูกผลิตขึ้นมาในเมืองไทย ภายใต้รูปทรงที่กำหนด โดยให้ที่ประชุมอุตสาหกรรมฯ เก็บรวบรวมรายนาม SME ทั้งปวงไว้แล้ว ขณะที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯรวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน บอกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป จะทยอยใคร่ครวญ โดยจะมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว กระตุ้นการใช้จ่าย และก็กระตุ้นการลงทุน ซึ่งอาจปฏิบัติการซ้ำหรือขยายเวลาและแก้ไขเพิ่มขึ้น ดังเช่นว่า การแก้ไขมาตรการท่องเที่ยว ที่นำข้อเสนอเอกชนมาใคร่ครวญด้วย โดยการออกมาตรการจำต้องนึกถึงการเสี่ยงของการระบาดระยะ 2 ด้วย ก็เลยใส่จำนวนเงินไปทั้งสิ้นในครั้งเดียวมิได้ เพราะจำต้องเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตด้วย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
คำแนะนำ