เง้อ.... ถ้าในแง่การทดสอบเหรอครับ
คงต้องมีกระดาษมาตรฐานสำหรับใช้พิมพ์ อาจจะ กระดาษมัน กระดาษด้าน กระดาษกึ่งด้านกึ่งมัน แล้วแต่วัสดุพื้นผิวด้วยหละครับงานนี้
อีกอย่างที่สำคัญก็ การเซ็ทโพรไฟล์กระดาษครับ ถ้าจะให้เที่ยงตรงขึ้นก็ต้องใช้พวกที่อ่านโปรไฟล์จอภาพ กับ โปรไฟล์กระดาษได้ ซึ่ง เครื่องคาลิเบรทที่มีฟังก์ชันนี้ควบสองนี่ ราคาบัดซบจริงๆครับ
นี่ในแง่ของเรื่องสีครับ ตัวแปรมันเยอะด้วยครับ ยิ่งสมัยนี้เค้าเน้นต้นทุนต่อแผ่นถูก เล่นพวกหมึงอิงค์แทงค์นี่ คุณภาพไม่เหลืออะไรแล้วครับ เง้อ อีกอย่างอุณหภูมิสีในห้อง คุณภาพจอภาพที่ใช้ ความเพี้ยนของเครื่องมือตรวจวัด เง้อ.... หลายอย่างเหมือนกันครับ
เพราะขนาดพวกเครื่องมินิแล๊บฟรอนเทียร์ หรือว่าพวกนอริทสุเครื่องน้ำยาเคมี (ผสมกับยิงสแกนเลเซอร์ทีละเส้น) ขนาดที่ว่าทำ daily test print มีโปรไฟล์มาตรฐานมาให้ ก็งานไม่เหมือนกันสักวันครับ เง้อ.....
ส่วนเรื่องความเร็วในการพิมพ์ อืม... ผมว่า ถ้ามันปริ๊นท์มาเนียนงานใช้ได้ดอกเดียวก็โอเคนะครับ แต่ถ้าเป็นพวกเครื่องใช้ปริ๊นท์ทำเอกสารแจกคน ไม่ได้ใช่พวกปริ๊นท์ภาพโดยตรง ก็ว่าไปอย่างครับ ตามแต่เกรดของเครื่องปริ๊นท์แล้วก็ตามลักษณะการใช้การที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดของเครื่องนั้นครับ
ผมว่าที่เค้าเคลมมาจากผู้ผลิตว่า 15 - 20 แผ่นต่อนาที สำหรับภาพสีนี่ หมกเม็ดกันทั้งนั้นเลยครับ
ถ้าลองพิมพ์เต็มๆก็ ความเร็วไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ครับคือ ช้า พอประมาณครับ อันนี้พอรับได้ ไม่ได้ตามสเปกแน่ แบบนี้ก็น่าเอามาจับเวลากันเหมือนกันครับว่าปริ๊นท์เต็มๆ อาจจะสลับคล้ายๆพวกตารางแมทช์เบดอะไรงี้ก็ดีเหมือนกันครับ ดูสีที่มันแสดงผลออกมาด้วยแต่ละเฉดว่าเพี้ยนขนาดไหนก็ดีเหมือนกันครับ
อีกอย่าง บางรุ่นก็ สนับสนุนพวกพิกบริทจ์อะไรนั่นอีก ก็ต้องลองดูครับว่ามันอ่านจากกล้องหรือการ์ดแล้วปริ๊นท์ออกมา ใครให้งานได้ดีกว่ากัน (อันนี้ก็เพี้ยนไปตามแต่ว่าใครเป็นคนผลิตมาอีก)
สรุปคือ
แวนเทจกันดีกว่าครับ อิอิกำ