หน้า: [1] 2 3   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วันนี้ขอเครียด ขอความเห็นคนไทยหน่อยครับ อยากให้อ่านก่อน  (อ่าน 17694 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
yuki_kaze
สมาชิกกลุ่ม ยสตน.
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3281



« เมื่อ: 30 มิถุนายน 2010, 16:35:17 »

ข่าวนี้ผมเอามาจาก http://www.oknation.net/blog/paisalvision/2010/06/29/entry-2

นะครับ อยากให้ทุกคนได้อ่านนะครับ :


อดีต ส.ว. แฉรัฐบาลปกปิดเขมรยึดดินแดนไทย 1,800,000 ไร่


     นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้เปิดเผยในรายการสู้เพื่อบ้านเมือง ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง 13 สยามไท เมื่อคืนวานนี้ว่า รัฐบาลไทยปกปิดประชาชนไม่เปิดเผยข้อเท็จจริงที่เขมรยึดดินแดนไทยเพิ่มอีก 1,800,000 ไร่ เชิญประชาชนทวงแผ่นดินคืน

     นายสมบูรณ์ ทองบุราณ เปิดเผยว่าขณะนี้ทหารเขมรซึ่งยึดพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมได้ขนเอาครอบครัว เขมรเข้ามาตั้งรกรากเช่นเดียวกับที่เขาพระวิหาร ในขณะที่กำลังทหารก็รุกเข้าไปยึดพื้นที่ปราสาทตาเมือนโต๊ดเพิ่มเติมอีก พร้อมกันนี้ได้มีการปักเขตแดนไทย-เขมรใหม่ ลึกเข้ามายังดินแดนไทยตลอดแนว บางจุดลึกเข้ามาถึง 42 กิโลเมตร บางจุดลึกเข้ามา 15 กิโลเมตร เป็นระยะทางร่วมร้อยกิโลเมตร ซึ่งเป็นการปักปันตามข้อตกลงในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ซึ่งระบุว่าการปักเขตแดนใหม่นี้ถ้าหากไม่มีฝ่ายใดคัดค้านภายในวันที่ 25 กรกฎาคม 2553 ก็ให้ถือว่าการปักเขตแดนนั้นถูกต้อง และการปักปันเขตแดนนี้จะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน 1,800,000 ไร่ แต่รัฐบาลปกปิดไม่ให้ประชาชนรู้ บางหลักเขตเอายางมะตอยไปราดปิดไว้ บางหลักเขตเอาปูนซีเมนต์ไปเททับไว้ แต่ก็มีผลในการทำหลักเขตไปแล้ว นอกจากนั้นยังให้เจ้าหน้าที่คอยปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้าไปในพื้นที่ที่ปัก ปันใหม่ และยังมีการปิดข่าวไม่ให้สื่อมวลชนและประชาชนได้รับทราบทั้งที่เป็นเรื่อง ใหญ่มาก

     นายสมบูรณ์ ทองบุราณ กล่าวว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่พื้นที่ของไทยได้ซักซ้อมประชาชนในการอพยพออกจาก พื้นที่เก่าที่ทำมาหากินมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยในบางอำเภอนั้นจะตกเป็นของเขมรเป็นครึ่งอำเภอ ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรง แต่รัฐบาลทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

     นายสมบูรณ์ ทองบุราณ ได้เชิญชวนประชาชนให้ไปพร้อมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้าในวันที่ 3 กรกฎาคม 2553 เวลา 05.00 น. เพื่อเดินทางไปร้องเรียนต่อกองทัพภาคที่ 2 เพราะไม่หวังพึ่งรัฐบาลแล้ว ผู้รักชาติคนใดที่เดินทางไปไม่ได้ ก็ขอให้ไปให้กำลังใจก็ยังดี หลังจากไปร้องเรียนต่อแม่ทัพภาคที่ 2 แล้วก็จะเดินทางไปที่จังหวัดบุรีรัมย์ตรงจุดที่เขมรยึดดินแดนไทยจุดหนึ่ง เพื่อประกาศให้โลกและคนไทยได้รับรู้และทวงเอาดินแดนคืน

     นายสมบูรณ์ ทองบุราณ กล่าวว่าปัญหาเร่งด่วนขณะนี้คือจะครบกำหนดตามข้อตกลงในวันที่ 25 กรกฎาคม 2553 แล้ว หากประเทศไทยไม่คัดค้านก็ถือว่าเขตแดนใหม่ถูกต้อง ซึ่งเราจะเสียดินแดนมากกว่าสมัยรัชกาลที่ 5 จึงขอฟ้องต่อประชาชนและผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้ร่วมกันปกป้องอธิปไตย ของประเทศต่อไป.

:

เมื่อวานบังเอิญที่บ้านเปิดผ่านไปที่ช่องFMTV เจอรายการ"โกงได้...โกงดี"ของคุณวีระ สมความคิด

สำหรับคนอื่นที่ไม่รู้จักก็ไม่รู้นะครับ แต่สำหรับผมคุณวีระเป็นคนที่เสียสละ ตรงไปตรงมา และ สมถะมาก

ในรายการเมื่อวานเป็นการฉายซ้ำ เกี่ยวกับเรื่องที่วันนี้ผมหยิบยกมานี่แหละครับ


ผมเองก็ไม่ได้ดูรายการตั้งแต่ต้น แต่ในรายการได้มีการขุดหลักเขตแดนไทย-เขมร ขึ้นขึ้นมาจากใต้ถนนกันเลย

เขาบอกว่าเขตแดนอันนี้ถูกย้ายเข้ามาในแดนไทย 10 กิโลเมตร  ผมฟังแล้วไม่รู้จะพูดยังไงนะครับ ทั้งรัฐบาล

ทหารในพื้นที่ เฮ้อ แถมยังมาถ่ายรูปทีมงานเขาอีก(ทหาร)


เลยขอเล่าสู่กันให้ได้รับทราบครับ เผื่อว่าใครยังไม่รู้ หรือมีข้อมูลดีๆมาบ้างครับ

แต่เรื่องนี้ผมว่าแทบไม่เป็นข่าวที่ไหนเลยมากกว่า คนสนใจน้อยมากกก

สงสารประเทศครับ มันสิ้นหวังจริงๆ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนควรรู้แยกแยะผิด-ชอบ ชั่ว-ดี <br /><br />จะได้ไม่เสียชาติที่เกิดมาเป็นคน
Chris
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6864


Join me and you'll see the power of the dark side


« ตอบ #1 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2010, 16:47:56 »

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด ::190205::
บันทึกการเข้า
Venom-Crusher
สมาชิกกลุ่ม ยสตน.
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 15962


I'm Stand Between Hell and Earth.


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2010, 17:41:15 »

 drunk drunk drunk อะไรกันเนี่ย
บันทึกการเข้า



It's hard to be righteous, but it easy to be evil.
beerking
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5477



« ตอบ #3 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2010, 17:49:53 »

เดียวหาข้อมูนก่อนครับ
บันทึกการเข้า
Judas Iscariot
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1405


ใต้ฟ้า..บนดิน..เหนือทะเล..

facebook.com/profile.php?id=100001451555543
« ตอบ #4 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2010, 18:10:00 »

ดูพวกมีปมด้อยมันทำ  mdr

Cambodian vs Thailand who wins ?DQ | by Aeva
บันทึกการเข้า



โลกเรามีคนสองประเภท คือพวกที่ทำดีแล้วโดนด่า กับพวกที่ไม่ทำห่าแล้วด่าอย่างเดียว
kim
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3463



อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2010, 18:21:27 »

ตั้งแต่ไอ้นพเด่ลูกกาโปกถังขี้ ไปเซ็นรับรองแผนที่ตอนนี้มันจะแก้ได้ยากมากครับ

ทางแก้ต้องรบอย่างเดียว
บันทึกการเข้า
cicimaru
ประธานกลุ่ม ยสตน.
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2187

กลุ่มแก๊งค์


อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2010, 19:43:02 »

 lol เสียดินแดนไม่เสียเอกราช ไม่เสียความเป็นไทยครับ
ลองคิดดูว่า มีการป้ายความผิดให้รัฐบาลกี่รัฐบาล ซึ่งเป็น 2 ขั้วอำนาจ จะมีกี่คน ที่ไม่ใช่ 2 ขั้วนี้ ออกมาให้ข้อมูลความจริง

ประเด็น ไม่ใช่เรื่องการเสียดินแดน

แต่เป็นประเด็นการเมือง มั่วhere ไม่เลิกไม่จบ ตราบใดที่ประชาชนไร้จิตสำนึก เลียตูดนักการเมืองอยู่ ประเทศไทยคงเล็กลง
ทุกวัน

ถ้าทุกคนทำตามหน้าที่ ที่รับผิดชอบ ไม่เลือกฝ่าย ปัญหาเรื่องเขมรมันก็จบครับ ถ้าเราสามัคคีกันแค่ 2 วัน กรุงพนมเปญแตก ทำเหมือนรัสเซียสั่งสอนจอร์เจียก็ได้ คือ บุกแล้วถอนกำลังกลับ ไม่ปักหลักนานๆเหมือนสหรัฐ

ถ้าหน้าที่ตัวเองไม่ทำ บอกรัฐบาลนี้กรูไม่ชอบ มันก็จบแค่นั้น ฝ่ายหนึ่งก็รักชาติ บ่นให้ตายไปนั่งประท้วงตรงชายแดนให้ตาย ไง คนพวกนี้ก็ไม่ได้สนหรอก เกียร์ว่าง

ผมไม่ได้มีเจตนายั่วยุให้เกิดสงคราม แต่ยั่วยุให้เกิดจิตสำนึก ว่านักการเมืองไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่แม่ ที่ต้องไปยึดติดกับมัน เพราะเราๆท่านๆก็รู้ดีว่า คนมาเล่นการเมืองเพื่ออะไร
บันทึกการเข้า

numz
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2416


สะสมหลอดใว้ให้ลูกหลาน

skylinev_spec@hotmail.com
อีเมล์
« ตอบ #7 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2010, 19:59:04 »

 mdr บ่งบอกให้รู้ว่า....
บันทึกการเข้า

สบาย-สบาย
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1225



« ตอบ #8 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2010, 22:16:38 »

รบกับเขมรซักทีก็ดีเหมือนกัน อยากรู้เหมือนกันว่ากองทัพไทยเข้มแข็งแค่ไหน

คิดว่าถ้ารัฐบาลเอาจริง ผมว่าแขมร์ถอยแน่ๆ

แต่ว่ารัฐบาลไทยกี่ยุคกี่สมัยก็มัวแต่รักษาสถานภาพตัวเอง กับ แด๊ก

ส่วนฝ่ายแค้นวันๆก็สุมหัวหาทางโค่นรัฐบาล เพื่อกลับมา แด๊ก

อนาจจริงๆ

พวกแขมร์ต้องเอาจริง มันถึงไม่กล้า สังเกตุดูแถวๆบ้านเป็นแบบนี้ ล่อซักที รับรองมันไม่กล้าหือ

ทำเฉยๆ พวกนี้มันได้ใจ เชื่อผมเต้อ ลองมาแล้ว ... อิอิ
บันทึกการเข้า

tpp
True Love Always
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8402



อีเมล์
« ตอบ #9 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2010, 23:16:59 »

ป้องกันตัวซักดอกน่าจะดีครับ
บันทึกการเข้า
yoshiki
สมาชิกกลุ่ม ยสตน.
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1709



อีเมล์
« ตอบ #10 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2010, 00:06:54 »

 grrrrrr grrrrrr
บันทึกการเข้า
Judas Iscariot
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1405


ใต้ฟ้า..บนดิน..เหนือทะเล..

facebook.com/profile.php?id=100001451555543
« ตอบ #11 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2010, 07:48:01 »




ยกตัวอย่างตอนที่เรามีปัญหากับพม่า



http://www.the-thainews.com/weekly/2545/weekly0244.htm

สถานการณ์ภายในประเทศ ช่วง 10 - 16 ก.พ.44

สถานการณ์ด้านความมั่นคง

15. เมื่อ 110440 ก.พ. 44 เกิดเหตุปะทะระหว่าง จนท.ทพ.กกล.ผาเมืองกับ ทพม.ร่วมกับกลุ่มว้าแดง 2 จุด ที่บริเวณสำนักสงฆ์กู่เต็งนาโย่ง ตรงข้าม บ.ห้วยน้ำริน ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย และที่บริเวณตรงข้าม บ.ปางหนุนเก่า – บ.พญาไพร ต.เทอดไท อ.แม่ฟ้าหลวง สาเหตุจาก ทพม.ได้นำกำลังเข้าปราบปราม กกล.ไทยใหญ่ และได้รุกล้ำเข้ามาในเขตไทย ผลการปะทะที่ สำนักสงฆ์กู่เต็งนาโย่ง ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ 8 นาย ราษฏรไทยเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 3 คน และมีกระสุนปืน ค.เข้ามาตกด้านหลัง สภ.อ.แม่สาย 3 นัด ฝ่ายพม่าเสียชีวิต 20 คน และบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง สำหรับการสู้รบตรงข้าม บ.ปางหนุน อ.แม่ฟ้าหลวง ที่บริเวณฐานเก่าของ กกล.ทหารไทย ถูก ทพม.นำกำลังเข้ายึดเพื่อใช้เป็นฐานเข้าโจมตี กกล.ไทยใหญ่ และควบคุม ทพ.ไทย 19 คน ตั้งแต่ 8 ก.พ. 44 ผลการปะทะ ทหารไทยสามารถยึดฐานคืนได้ และ ทพม.ยอมปล่อยตัว ทพ.ทั้งหมด ส่วน ทพม.ได้รับบาดเจ็บ 20 คน
16. หลังการสู้รบยุติ พล.จ.ตานอ่อง ผบ.ยุทธวิธี ม.พยาก ของพม่า ติดต่อคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย – พม่า (ฝ่ายไทย) ขอเปิดเจรจายุติการสู้รบที่ จ.ท่าขี้เหล็ก และตกลงลงนามในหนังสือยุติการสู้รบระหว่างกัน หลังจากนั้นทั้งฝ่ายไทยและพม่าได้ประกาศเปิดด่านชายแดน แต่เปิดทำการได้เพียง 1 ชม. ทภ.3ได้ปิดด่านแม่สายอีกครั้งเมื่อ 120730 ก.พ. 44 และไม่มีกำหนดเปิด พร้อมนำ ทหารจาก กกล.ผาเมืองเข้าประจำจุดต่าง ๆ เนื่องจากสถานการณ์ด้าน อ.แม่สาย ยังไม่น่าไว้ใจ ทพม.ยังคงเสริมกำลังและขนย้ายอาวุธเข้าตรึงชายแดนเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกัน
17. รัฐบาลพม่าออกแถลงการณ์กล่าวหากองทัพไทยให้การสนับสนุน กกล.กลุ่มรัฐฉาน ซึ่งเป็นผู้ผลิต และลักลอบค้ายาเสพติดชายแดนไทย-พม่า ขัดขวางการปราบปรามยาเสพติดตามชายแดน พร้อมกับอ้างว่าการโจมตีที่ อ.แม่สาย เป็นการกระทำของกองทัพรัฐฉาน เพื่อทำลายความสัมพันธ์ประเทศทั้งสอง ขณะเดียวกัน พล.ท.วัฒนะชัย ฉายเหมือนวงศ์ แม่ทัพภาค 3 แถลงตอบโต้โดยกล่าวหาทหารพม่าที่ตั้งฐานอยู่ตามบริเวณชายแดนไทยกอบโกยผลประโยชน์จากการค้ายาเสพติดของกลุ่มว้าแดง รับสินบนจากผู้ประกอบการค้าตามแนวชายแดน และยังสนับสนุนกลุ่มว้าแดง ตั้งโรงงานผลิตยาเสพติดตรงข้าม จ.เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ทหารพม่าเข้าไปมีส่วนในธุรกิจการค้ายาเสพติด โรงงานผลิตยาเสพติดที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่พม่าเป็นสิ่งชี้ชัดเป็นอย่างดี และว่าจำนวนยาเสพติดที่ทางการไทยยึดได้ เทียบในอัตราเพียงร้อยละ 10 ของจำนวนที่ผลิตเท่านั้น
18. อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ล่าสุดมีการประชุมของคณะผู้แทนทางทหารพม่า-ไทย เพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงในที่สุด เนื่องจากหลายฝ่ายมองว่าการปิดจุดผ่านแดนส่งผลกระทบต่อพม่าเป็นอันมาก เริ่มมีการขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค และน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่จังหวัดท่าขี้เหล็กของพม่า ทำให้พม่าต้องเร่งเจรจากับไทยโดยเร็ว
...

http://www.ryt9.com/news/2001-02-13/26460284/

กระทรวงการต่างประเทศเชิญเอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทยเข้าพบเพื่อยื่นบันทึกช่วยจำ
กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (12 กุมภาพันธ์ 2544) เวลา 16.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตรรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญ อู ลา หม่อง เอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทยเข้าพบเพื่อยื่นบันทึกช่วยจำ สรุปได้ดังนี้
         1. เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2544 เวลา 17.00 น. ทหารพม่าจำนวน 500 คน ได้รุกล้ำเข้ามาในเขตไทยที่บริเวณบ้านปางหนุน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย และได้เข้าควบคุมฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 963
         2. เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2544 ฝ่ายไทยได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างสันติ โดยผ่านผู้ช่วยทูตทหารไทยที่กรุงย่างกุ้ง และผู้ช่วยทูตทหารพม่าที่กรุงเทพฯ และได้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย-พม่าส่วนท้องถิ่น หรือ TBC ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ซึ่งผลการประชุมได้ข้อยุติว่า ทหารพม่าจะถอนกำลังออกจากฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 963 ภายในเวลา 17.00 น. ของวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2544 อย่างไรก็ตาม ทหารพม่ามิได้ปฏิบัติตามข้อตกลง
         3. เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2544 เวลา 05.45 น. ฝ่ายไทยจึงได้ส่งกำลังเข้ายึดฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 963 และสามารถผลักดันกองกำลังทหารพม่าออกจากพื้นที่ประเทศไทย รวมทั้งบริเวณสำนักสงฆ์กูเต็งนาโยง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งทหารพม่าได้เข้ามายึดครองตั้งแต่ธันวาคม 2543
         4. เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2544 ระหว่าง 12.00-14.00 น. ทหารพม่าได้ยิงกระสุนปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดเข้ามาตกในดินแดนไทยในหลายพื้นที่ของอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย คือ วัดถ้ำผาจม วัดเวียงพาน บ้านป่าเหมือด หลังโรงพยาบาลแม่สาย และหลังวัดพระธาตุดอยวาว เป็นผลให้ราษฎรไทยเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 8 คน และทหารไทยได้รับบาดเจ็บอีก 9 คน อีกทั้งบ้านเรือนหลายหลังและรถยนต์อีก 1 คัน ได้รับความเสียหาย
         ในการนี้ รัฐบาลไทยถือว่า การกระทำดังกล่าวของทหารพม่าเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลและประชาชนชาวไทยไม่อาจยอมรับได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ไทย-พม่า และรัฐบาลไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าดำเนินการดังต่อไปนี้ 
                   - ยุติการดำเนินการที่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และยับยั้งการกระทำใดๆ ที่เป็นการยั่วยุในอนาคต
                   - ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ราษฎรไทยที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ตลอดจน ค่าเสียหายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของราษฎรไทย
                   - เรียกร้องให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-พม่า (Regional Border Committee : RBC) ครั้งที่ 18 โดยเร็ว เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาชายแดนให้ลุล่วงไปด้วยดี


         กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ

บันทึกการเข้า



โลกเรามีคนสองประเภท คือพวกที่ทำดีแล้วโดนด่า กับพวกที่ไม่ทำห่าแล้วด่าอย่างเดียว
Judas Iscariot
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1405


ใต้ฟ้า..บนดิน..เหนือทะเล..

facebook.com/profile.php?id=100001451555543
« ตอบ #12 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2010, 07:52:37 »

ก่อนอื่นต้องทำการตกลงกันก่อนนะครับว่าเนื้อหาทุกส่วนมาจากแหล่งข่าวหลายแหล่งข่าว ทั้งไทย พม่า ว้าแดงและไทยใหญ่ จริงหรือเท็จยังไงต้องใช้วิจารณญาณ หากเนื้อหาที่นำมาลงนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงก็ให้ลบกระทู้นี้ทิ้งเลยครับ

ตอนที่ 1

ภาค๑

เหตุการณ์ความตรึงเครียดระหว่างไทยกับพม่านี้จริง ๆ แล้วมันซับซ้อนยิ่งกว่าเถาวัลย์พันกันเลยละครับ เมื่อเรามาลองคลี่เถาวัลย์ออกมาทีละจุด (แต่ไม่ครบทุกจุดนะ) ก็พอจะบอกเล่าได้ดังนี้

หลังจากที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้มีนโยบายในการพัฒนาประเทศหลายๆ ด้านที่เสนอต่อประชาชนไว้ตอนหาเสียง เช่น ๓๐ รักษาได้ทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน เป็นต้น และหนึ่งในนั้นก็คือการปราบปรามยาเสพติดให้สิ้นไป คณะรัฐมนตรีได้มีการไปประชุมที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้มีการนำเสนอข้อมูลการผลิต และการลำเลียงยาเสพติดจากพม่าเข้าไทย โดยตัวการใหญ่คือว้าแดง ซึ่งมีระดับความรุนแรงอยู่ในขั้นที่น่าเป็นห่วง สิ่งหนึ่งที่สร้างความตกละลึงให้กับ นายกและผู้เข้าร่วมประชุมก็คือ ภาพถ่ายทางอากาศแสดงการเติบโตของเมืองยอน ซึ่งว้าแดงควบคุมอยู่ ภายในเวลาไม่กี่ปี เมืองยอนจากหมู่บ้านเล็ก ๆ กลายเป็นเมืองขนาดใหญ่มีการจัดสร้างถนนอย่างดี โรงพยาบาล และเขื่อนสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า มีการอพยพประชาชนแถบชายแดนจีนมาอยู่ที่นี่ในจำนวนหลักแสนคน โดยรายงานในที่ประชุมระบุว่า เงินที่ใช้ในการสร้างเมืองยอนให้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาจากการผลิตยาบ้าแล้วส่งมาขายในประเทศไทยนั่นเอง

ในช่วงนั้นมักจะมีข่าวคนร้ายเมายาบ้า ก่อคดีสะเทือนขวัญหลายคดี จนได้มีการวางแผนในการขจัดยาเสพติดให้สิ้นไปจากประเทศไทยอบย่างเร่งด่วน แต่ปัญหามันติดอยู๋ตรงที่ว่า แหล่งผลิตไม่ได้อยู่ในประเทศไทย หากแต่อยู่ในเขตของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในเขตของพม่า ซึ่งชนกลุ่มน้อยครอบครองอยู่ รัฐบาลไทยจึงได้ประสานงานผ่านกระทรวงการต่างประเทศของพม่า เพื่อขอความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติดร่วมกัน และต่อมาได้มีการเยือนประเทศไทยของผู้นำระดับสูงของพม่า คือ พลเอก ขิ่นต์ ยุ้น และ หลังจากนั้นไม่นาน พลเอก หม่อง เอ ก็ได้มาเยือนประเทศไทย หลังจากการเยือนไทยของพลเอกขิ่นต์ ยุ้นมีข่าวออกมาว่าพลเอก ขิ่นต์ ยุ้น อนุญาตให้ทางการไทยทำการปราบปรามแหล่งผลิตยาเสพติดในเขตพม่าได้

ก่อนหน้าจะมีการเยือนไทยของผู้นำพม่าทั้งสองก็ได้มีการปะทะกันระหว่างกองกำลังผาเมืองกับกองกำลังว้าแดงที่ขนยาเสพติดบ่อยครั้ง ว้าแดงเสียทหารและยาเสพติดถูกยึดได้เป็นจำนวนมาก สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มว้าแดง ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชนกลุ่มน้อยที่แข็งแกร่งที่สุดของพม่าแม่แต่รัฐบาลทหารพท่ายังขยาดจนต้องสัญญาหยุดยิง โดยพม่าให้ว้าแดงครอบครองพื้นที่แถบเมืองยอนและบริเวณรัฐฉาน และไกล้เคียง นัยหนึ่งเพื่อต้องการใช้ว้าแดงในการปราบปรามกองกำลังไทยใหญ่ของเจ้ายอดศึก ซึ่งเป็นหนามแทงใจทหารพม่ามาช้านาน แต่ไม่สามารถปราบลงได้ กองกำลังว้าแดงได้เริมกำลังเข้าประชิดชายแดนไทยอีกทั้งยังมีการยิงประสุนปืน ค. เข้ามาในเขตไทยหลายครั้ง โดยครั้งที่สร้างความขุ่นเคืองให้กับทางการไทยเป็นอย่างยิ่งคือยิงกระสุนปืน ค. เข้ามาในพระตำหนักดอยตุง ทำให้ทหารไทยที่ทำการอารักขาได้รับบาดเจ็บ ทางการไทยได้ทำหนังสือประท้วงไปยังพม่า แต่ได้รับคำตอบว่าทางการพม่าไม่สามารถรับผิดชอบต่อเหตุดังกล่าวได้ เพราะเป็นการกระทำของว้าแดงไม่ใช่ทหารพม่า หลังจากนั้นไม่นานฐานของทหารว้ากลุ่มดังกล่าวถูกทหารไทยใหญ่เข้าโจมตี ทหารว้าเสียชีวิตจำนวนมาก รัฐบาลทหารพท่าทำหนังสือประท้วงมายังทางการไทยกล่าวหาว่า ทหารไทยใหญ่เข้าตีฐานทหารว้าโดยได้รับการสนับสนุนการยิงปืนใหญ่จากฝั่งไทย แต่ทางการไทยปฏิเสธว่าเป็นการยิงตอบเตือนและตอบโต้เนื่องจากมีกระสุนมาตกในฝั่งไทย
เมื่อวันที่ ๘ ก.พ. ทางด้าน จ.เชียงราย โดยมีการสู้รบกัน อย่างหนัก ระหว่างทหารรัฐบาลพม่ากับกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่ หรือ กลุ่ม SSA.(โดยการนำของเจ้ายอดศึก) ฝ่ายทหารรัฐบาลพม่าระดม กำลังกว่า ๕๐๐ นาย จากกองพัน ม.๔๔๒ และ ม.๕๒๖ บุกเข้าประชิด ฐานที่มั่นของกองกำลังไทยใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณเนินปางหนุนตรงข้าม บ้านไพรเลาจอ หมู่ ๕ และบ้านแม่หม้อ ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ห่างจากชายแดนไทยประมาณ ๒ กม. วันต่อมาทั้งสองฝ่าย เปิดฉากปะทะกันไม่ต่ำกว่า ๕ ครั้ง มีรายงานว่าทหารทั้ง ๒ ฝ่ายเสียชีวิต ฝ่ายละไม่ต่ำกว่า ๑ คน และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

วันที่ ๑๓ ก.พ. ทหารพม่าได้นำกำลังเสริมจากเมืองตูม ๗๐๐ นาย พร้อมอาวุธหนัก เพื่อหวังโจมตีฐานที่มั่นเนินปางหนุนให้แตกให้ได้ ขณะ เดียวกันฝ่ายไทยใหญ่ก็มีการเสริมกำลังจากส่วนหน้าอีก ๒ กองร้อย เพื่อตอบโต้พม่า ผลจากการปะทะทำให้มีลูกกระสุนปืน ค.ข้ามเข้ามาตก ยังฝั่งไทย ๕ ลูก แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ชาวบ้านที่อยู่ตามแนว ชายแดน นอกจากนี้ที่บริเวณดอยก่อวัน ตรงข้าม ต.เทอดไทย ยังมีการ สู้รบกันระหว่างกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่กับทหารพม่า โดยทหารพม่า ได้เคลื่อนกำลังประมาณ ๒,๐๐๐ นาย เข้าประชิดชายแดนไทยด้าน ต.เทอดไทย ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนประมาณ ๘๐๐ เมตร หลังจาก นั้นได้ทำการขุดสนามเพลาะเพื่อเตรียมรับมือกับกองกำลังไทยใหญ่ และได้ติดตั้งอาวุธปืน ค. ๑๒๐ , ปืนล็อคเก็ต ๑๐๗ วางตลอด แนวเป็นจำนวนมาก สำหรับการโจมตีฐานที่มั่นของกองกำลังไทย- ใหญ่ มีรายงานว่าจะต้องใช้เวลานาน ๓ วันจึงจะทำได้สำเร็จ

และเมื่อวันที่ ๒๔ ก.พ ทางด้านท่าขี้เหล็ก ทหารพม่าได้เสริม กำลังตามตะเข็บชายแดนระหว่างเมืองท่าขี้เหล็กไปจนถึงเมืองสาด ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ อ.แม่ฟ้าหลวง โดยได้ร่วมกับทหารว้าแดง จาก เมืองตุนและเมืองกลาง เข้าประชิดชายแดนด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง ทุก จุดโดยเฉพาะเนินปางหนุน ทหารพม่าได้เข้าปิดล้อม ส่งผลให้กอง กำลังไทยใหญ่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และนอกจากนี้พม่ายังได้ให้ ทหารว้าแดงและลูกหาบทำการขุดสนามเพลาะลึกเข้าไปในกองกำลัง ไทยใหญ่ จนถึงบ้านนายาว ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านก่อวันและเนินปาง หนุนเพียง ๑ กม. และพยายามที่จะขุดลึกเข้าไป โดยไม่มีการเคลื่อน ไหวตอบโต้จากทางกองกำลังไทยใหญ่ แม้ว่าทางการพม่าจะมีการ ติดตั้งปืนใหญ่ ๑๒๐ มิลลิเมตรและปืน ค. เข้าไปยังสนามเพลาะ

และที่ฐานบาลาหลวง ซึ่งเป็นฐานของพม่าที่ถูกกองกำลังทหาร ไทยใหญ่โจมตีไปก่อนหน้านี้ ก็ได้มีการเสริมกำลังเช่นกัน นอกจากนี้ ที่ท่าขี้เหล็กซึ่งมองเห็นได้ชัดจากฝั่งไทย ที่บริเวณถ้ำผาจง ก็พบว่า ทหารพม่าได้เคลื่อนกำลังพลเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะขึ้นไปที่ ดอยกูเต็งนาโย่ง เพื่อโจมตีกองกำลังทหารไทยใหญ่ที่อยู่กระจัด กระจายในบริเวณนี้

สำหรับการเคลื่อนไหวของกำลังกู้ชาติไทยใหญ่ หรือ SSA เจ้า ยอดศึก ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่บ้านเชียวไคร้ ใกล้เนินปาง- หนุน ตรงข้ามกับ อ.แม่ฟ้าหลวง โดยมีการนำชมอาวุธจำนวนมาก ที่ยึดได้จากทหารพม่าที่บุกเข้าโจมตี รวมทั้งมีการนำธงพม่าที่ทหาร ไทยใหญ่ยึดได้จากการตีฐานทหารพม่าแห่งหนึ่งแตกมาจัดแสดงโชว์ สื่อมวลชนและยังได้กล่าวว่า สาเหตุที่ถูกพม่านำพลประชิดในครั้งนี้ เพราะไปปิดกั้นเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้าจาก ทหารพม่าและว้าแดง ซึ่งขัดต่อนโยบายของSSA.ที่ต้องการปราบ ปรามยาเสพติด และการปะทะกันครั้งนี้ ทางSSAต้องการให้ ทั่วโลกได้รู้ถึงศักยภาพของกองกำลังไทยใหญ่ และสักวันหนึ่งคงจะ ได้ประกาศเอกราชอย่างแน่นอน หลังจากนั้น เจ้ายอดศึกก็ได้เดิน ทางเข้าตรวจเยี่ยมฐานก่อวัน เพื่อดูความเคลื่อนไหวของทหารพม่า และสอบสวนเชลยพม่าที่ถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ ๒๑ ก.พ. หลังจาก การสอบสวนเสร็จแล้วก็ได้ปล่อยเชลยทหารพม่าไป พร้อมกับมอบ เสื้อผ้าและเงินจำนวน ๓,๐๐๐ บาท เพราะกองกำลังไทยใหญ่ไม่มี นโยบายที่จะฆ่าเชลย และทหารพม่าที่อยู่ตามฐานต่างๆ เขาก็ไม่มี ส่วนรู้เห็นด้วย ส่วนที่ฐานบาลางน้อย ที่ทหารพม่านำกำลังเข้าเสริมก็เป็นเรื่อง ของพม่า สำหรับสาเหตุที่เข้าโจมตีเป็นเรื่องของยุทธการทางการรบ และทราบว่าทหารพม่าเสริมกำลังเข้ามากว่า ๒,๐๐๐ นาย ฝ่ายไทยใหญ่ก็จะดูท่าทีไปก่อน และจะไม่เปิดฉากโจมตีก่อนเพราะจะทำ ให้กระทบกับชายแดนไทยและยังได้เปิดเผยอีกว่านับแต่นี้ไปไทยใหญ่ จะไม่รอให้ทหารพม่าโจมตีแต่ฝ่ายเดียว แต่จะเคลื่อนทัพ ไปสู้กับพม่าบ้าง "เราเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสู้กับกองทัพ พม่าได้เพราะต้องการประเทศของเราคืน" และSSAมี นโยบายการต่อต้านยาเสพติด แต่กลับไปอยู่บนเส้นทาง การค้ายาเสพติดของพม่าจึงถูกพม่าโจมตี SSAมีหนทางในการหาเงินบำรุงกองทัพด้วยวิธีการที่ถูกต้องตาม กฎหมายได้เงินราว ๑๐๐ ล้านจ๊าตต่อปี โดยไม่ยุ่งเกี่ยว กับยาเสพติด และเชื่อว่ารัฐฉานไม่ใช่เป้าหมายเดียวของ พม่า แต่พม่าต้องการโจมตีประเทศไทยด้วย

การเข้ายึดฐานที่มั่นของพม่าที่บ้านปะลางหลวง เป็น การปฎิบัติการที่แสดงให้เห็นว่าทางSSA มีความพร้อม ที่จะตอบโต้กองกำลังทหารพม่าและว้าแดง ที่เข้ารุกราน แม้ว่าปัจจุบันจะมีการนำทหารจำนวนมากมาประชิด กอง กำลังของSSA.ที่มีน้อยกว่าทุกพื้นที่ก็ตาม การที่ทหารพม่า เข้าประชิดชายแดนไทยครั้งนี้ เป้าหมายใหญ่ไม่ใช่การ ปราบปรามชนกลุ่มน้อยไทยใหญ่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ไทยใหญ่มีกำลังอยู่ที่เนินปางหนุนประมาณ ๕๐๐ นาย เท่านั้น แต่ทหารพม่ากลับนำอาวุธยุทโธปกรณ์ และกำลัง พลกว่า ๑๒ กองพัน ซึ่งเป็นกองกำลังร่วมระหว่างพม่า กับว้า และมีการระดมยิงปืนใหญ่ จรวดอาร์พีจี ที่สนามบิน เมืองสาดจำนวนมาก ฉะนั้นเป้าหมายการโจมตีไทยใหญ่ จึงเป็นเป้าหมายรอง ส่วนเป้าหมายจริงคือ การบุกรุก โจมตีประเทศไทย เจ้ายอดศึกกล่าว

แหล่งข่าวระดับสูงของกองทัพภาคที่ ๓ เปิดเผยถึง สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-พม่าว่า หน่วย เฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ ๓ ได้ส่งกำลังทหาร พร้อมอาวุธ เข้าไปรักษาความสงบเรียบร้อย และช่วยอพยพราษฎรไทย ที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนในจุดที่มีการสู้รบออกจากพื้น ที่ เนื่องจากครั้งนี้ทหารพม่าปฎิบัติการอย่างรุนแรงและ ต่อเนื่อง เพื่อหวังปราบปรามไทยใหญ่ให้ราบคาบลงในฤดู แล้งนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีแผนที่จะบุกโจมตีทหารกะเหรี่ยง คะยาหรือกะเหรี่ยงแดง ทางด้าน จ.แม่ฮ่องสอน และ เคเอ็นยู ของกลุ่มนายพลโบเมียะ ที่มีฐานที่มั่นอยู่ด้านตรง ข้าม จ.ตาก ในเวลาเดียวกันด้วย ทำให้สถานการณ์การ สู้รบระหว่างทหารพม่ากับชนกลุ่มน้อย เคเอ็นยู ไทยใหญ่ และกะเหรี่ยงคะยาหรือเคเอ็นพีพี จะทวีความรุนแรงขึ้น

พล.ต.สมบูรณ์เกียรติ สิทธิเดชะ ผู้บัญชาการกอง กำลังผาเมืองได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ตรวจสถานการณ์ตลอด แนวชายแดน อ.แม่ฟ้าหลวง ถึง อ.แม่สาย โดยเฉพาะที่ เนินปางหนุน , เนินกิ่วฮุ้ง และเนินกุเต็งนาหย่ง ที่ทหารไทย และทหารพม่าต่างตรึงกำลังที่ชายแดนกันอยู่ ซึ่งไทยได้ปิด ด่านตลอดแนว โดยเฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย เนื่องจากผลกระทบจากการสู้รบ ถ้าสถานการณ์คลี่คลาย ไปในทางที่ดีขึ้น ก็จะยกเลิกการปิดด่าน และยังได้บอกอีก ว่ามีทหารของพม่าประจำการอยู่จุดละ ๔๐๐-๕๐๐ นาย โดยเฉพาะที่เนินปางหนุนซึ่งเป็นจุดปะทะ ระหว่างทหารพม่ากับกองกำลังไทยใหญ่ มีอยู่ประมาณ ๔๐๐ นาย และได้โจมตีฐานที่มั่นของกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่อย่างหนัก

วันที่ ๑๓ ก.พ. มีรายงานว่า ทางกองกำลังทหารว้าแดงหลายกอง พันได้เคลื่อนพลเข้ามาสนับสนุนกองกำลังทหารพม่าที่ จ. ท่าขี้เหล็ก และเมืองสาด และทหารฝ่ายไทยก็ได้มีการเสริมยานยนต์หุ้มเกราะ รถถัง และรถกู้ระเบิด เข้าไปในพื้นที่ จ.เชียงราย รวมกันกว่า ๔๐ คัน นอกจากนี้ ยังมีการสับเปลี่ยนกำลังตามแนวชายแดนอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายพม่ารายงานว่า ได้เสริมปืนใหญ่ในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็กอีก ๑๔ กระบอก แล้วได้เคลื่อนกำลังพลจากเมืองเชียงตุง และกองกำลัง ว้าแดงจากกองพลที่ ๑๗๑ เมืองใหม่ ๔๖ เข้าสู่ตะเข็บชายแดน อ. แม่ฟ้าหลวง-อ.แม่สาย จึงทำให้ฝ่ายพม่ามีกำลังไม่น้อยกว่า ๑๐ กองพัน การเสริมกำลังดังกล่าว ทำให้ชายฉกรรจ์ที่อยู่ในเขตชุมชน ใหม่ที่เชียงตุง ห่างจากท่าขี้เหล็กไป ๑๕๐ กม. ถูกทหารพม่าเกณฑ์ ไปเป็นลูกหาบในการแบกอาวุธปืนเป็นจำนวนมาก ขณะที่ชาวพม่าที่ เป็นหนุ่มในเขตรัฐฉานต้องหลบหนีทหารพม่ากันยกใหญ่ เนื่องจาก เกรงว่าจะถูกเกณฑ์ไปเป็นลูกหาบ ราษฎรชาวพม่าและชาวไทยใหญ่ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านเชียวไคร้เก่าและบ้านเชียวไคร้ใหม่ เมืองสาด รัฐฉาน ได้อพยพหนีตายเข้ามายังฝั่งไทยจำนวน ๑๐๒ คน๒๖ เมษายน ๒๕๔๕ เวลา ๐๗๐๐ ขณะที่ ชุดลาดตระเวน กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ ๙๕๐ ซึ่งขึ้นควบคุมทางยุทธการกับ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ ๔ ลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบได้ตรวจพบกับผู้ต้องสงสัยแต่งกายคล้ายทหารกองกำลังต่างชาติ จำนวน ๒ คน บริเวณห่างจากบ้านโป่งไฮฯ ไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๕๐๐ เมตร ซึ่งเป็นจุดที่ห่างจากชายแดนลึกเข้ามาในเขตไทยประมาณ ๑ กิโลเมตรเศษจึงได้จับกุมและควบคุมตัวไว้ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการซักถามต่อมาในวันเดียวกัน เวลา ๑๕๐๐ กองกำลังอาสาสมัครทหารพม่าเชื้อสายมูเซอ ซึ่งมีฐานฯ อยู่ใกล้ๆ กันกับที่ตรวจการณ์ของกองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ ๙๕๐ บริเวณช่องทางบ้านโป่งไฮ ได้เข้ามาข่มขู่ขอตัวกำลังพล ๒ คน กลับคืนโดยใช้กำลังประมาณ ๓๐ – ๔๐ นาย ล้อมที่ตรวจการณ์ฝ่ายไทยไว้ และอีก ๑๕ นาย ได้ขึ้นมาเจรจาด้วยวิธีรุนแรงและข่มขู่ โดยหัวหน้ากองกำลังอาสาสมัครทหารพม่าเชื้อสายมูเซอ ใช้ปืนพกจี้หน้าอกของอาสาสมัครทหารพราน หนูกาญน์ กิ่งวรรณ พยายามจะใส่กุญแจมือ ฝ่ายไทยไม่ยอมกองกำลังฯ ดังกล่าว จึงใช้ปืนเล็กยาว AK – ๔๗ ยิงขู่ลงพื้นดินตรงบริเวณหว่างขา ของอาสาสมัครทหารพรานหนูกาญน์ฯ ๑ ชุด และกองกำลังฯ คนหนึ่ง ได้หันลำกล้องเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด ๔๐ มม. M ๗๙ ไปที่อาสาสมัครทหารพรานหนูกาณน์ฯ ระหว่างนั้น มีกองกำลังฯ อีก ๑ คน ใช้พานท้ายปืนเล็กยาว AK – ๔๗ กระแทกเข้าที่กกหูซ้าย ของอาสาสมัครทหารพรานหนูกาญน์ฯ ทำให้ได้รับบาดเจ็บกกหูซ้ายแตก จึงเป็นเหตุให้อาสาสมัครทหารพรานหนูกาญน์ฯ หมดความอดทน และคิดว่าสถานการณ์ขณะนั้นคงไม่ปลอดภัย และอาจถูกจับกุมไปเป็นตัวประกัน จึงได้ผลักอกหัวหน้ากองกำลังฯ ดังกล่าวได้หยุดการกระทำแล้วพูดว่า “เรามีหัวหน้าใหญ่จะให้ตกลงกันกรณีที่คนของท่านถูกควบคุมตัว” ซึ่งจากการสื่อสารกันไม่เข้าใจ ฝ่ายตรงข้ามใช้ภาษามือประกอบท่าทาง หัวหน้ากองกำลังฯ ดังกล่าวได้ชูนิ้ว ๒,๓ นิ้ว ในลักษณะอีก ๒ - ๓ ชั่วโมง จะมาที่นี่อีกแล้วก็ถอนกำลังกลับไปยังฐานปฏิบัติการ ที่อยู่ตรงข้ามจุดตรวจการณ์ฝ่ายเรา

ในขณะเดียวกันหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ ๔ ได้นำตัวกำลังอาสาสมัครทหารพม่าเชื้อสายมูเซอ ทั้ง ๒ คน ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ ๔ ค่ายเม็งรายมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ต่อมาเวลา ๑๗๓๐ น. วันเดียวกันกองกำลังอาสาสมัครทหารพม่าเชื้อสายมูเซอ ได้นำกำลังมาปิดล้อมที่ตรวจการณ์ฝ่ายเราบริเวณช่องทางบ้านโป่งไฮจำนวนประมาณ ๖๐ คน และยิงเครื่องยิงลูกระเบิดเข้าใส่ฝ่ายไทย ๑๐ นัด โดยพยายามจะใช้กำลัง จากการสอบสวน นายจะซอ อายุ ๑๕ ปี และนายจะแกะ อายุ ๒๐ ปี ทั้ง ๒ คน ให้การว่าเป็นทหารประจำฐานปฏิบัติการ บ้านออเลาะ ซึ่งอยู่ตรงข้ามช่องทางบ้านโป่งไฮ ประจำการมาแล้ว ๒ ปี โดยได้รับการฝึกจากกองกำลังทหารพม่าเชื้อสายว้า ( UWSA ) ที่เป็นหน่วยควบคุมกองกำลังอาสาสมัครทหารพม่าเชื้อสายมูเซอบริเวณนี้ และนายจะซอเป็นบุตรบุญธรรมของนายจะไหไพจะซึ่งเป็นผู้นำหมู่บ้านออเลาะ และเป็นหัวหน้ากลุ่มอาสาสมัครทหารพม่าเชื้อสายมูเซอ จากการสอบสวนของฝ่ายเราบุคคลดังกล่าวได้รับสารภาพว่าได้เข้ามาในลักษณะของการหาข่าวในเขตไทย จึงถูกจับกุมและควบคุมตัวการรุกล้ำอธิปไตยเข้ามา ของกองกำลังฯ ทั้ง ๒ คน ก็ทราบดีอยู่แล้วว่า บริเวณที่เข้ามารเป็นเขตไทย

เย็นเดียวกัน กองกำลังฐานออเลาะ กองทหารอาสาพม่า ๓๐ นาย พร้อมอาวุธครบมือเดินทางมาเจรจาขอตัวทั้งสองคนกลับแต่ทหารไทยไม่ยอม จึงเกิดการปะทะกันขึ้น ฝ่ายไทยใช้อาวุธ และเฮลิคอปเตอร์ ๒ ลำยิงขับไล่ทำให้เหตุการณ์ บานปลาย เกิดการตรึงกำลังและเผชิญหน้ากัน ๒๗ เมษายน ๒๕๔๕ ทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ ๔ กองกำลังผาเมือง ฐานบ้าน โป่งไฮ จ.เชียงราย ปะทะกับกองกำลังทหารอาสาพม่าเชื้อสายว้าและมูเซอ ฐานออเลาะ เมืองยอน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า จุดปะทะห่างจากตะเข็บชายแดน ๒๐๐ เมตร สาเหตุจากกองกำลังทหารอาสาพม่า พยายามเข้าโจมตีฐานที่มั่นทหารพรานส่วนแยกบ้านโป่งไฮ เพื่อบีบฝ่ายไทยให้ปล่อยตัวเชลยว้า ๒ นายที่ถูกจับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 กรกฎาคม 2010, 07:54:46 โดย Judas Iscariot » บันทึกการเข้า



โลกเรามีคนสองประเภท คือพวกที่ทำดีแล้วโดนด่า กับพวกที่ไม่ทำห่าแล้วด่าอย่างเดียว
Judas Iscariot
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1405


ใต้ฟ้า..บนดิน..เหนือทะเล..

facebook.com/profile.php?id=100001451555543
« ตอบ #13 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2010, 07:53:29 »

ตอนที่2

๒๘ เมษายน ๒๕๔๕ ทหารอาสาพม่าเชื้อสายว้าและมูเซอ ฐานออเลาะ ๕ นาย บุกเข้าหวังทำลายฐานทหารพรานบ้านโป่งไฮ แต่ฝ่ายทหารไทยเห็นเสียก่อนจึงนำกำลัง ๗๐ นาย ไปตรึงพื้นที่ไว้ เกิดการยิงขับไล่ ฝ่ายว้าถอยร่นไป แต่นำกำลังมาเสริมอีก ๓๐ นายจนเกิดการปะทะกันขึ้น

วันเดียวกัน นายวิน อ่อง รัฐมนตรีต่างประเทศพม่า ส่งหนังสือผ่านโทรสารมายังนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว

๒ พฤษภาคม ๒๕๔๕ มีการเจรจาระหว่างฝ่ายไทยและกลุ่มว้าแดง ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่น(ทีบีซี) เพื่อพิจารณาปล่อยตัวเชลย ๒ คน การประชุมเลื่อนไปเป็นวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๔๕

๓ พฤษภาคม ๒๕๔๕ มีข่าวออกทางวิทยุพม่าว่าบริษัทหงปัง อิมปอร์ตเอ็กซ์ปอร์ต กิจการในเครือของกลุ่มว้า และเป็นแหล่งฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกลุ่มว้า ถูกทางการพม่าสั่งปิดแล้ว

๕ พฤษภาคม ๒๕๔๕ พล.ท.อุดมชัย องคสิงห์ แม่ทัพภาคที่ ๓ เปิดการฝึกซ้อมรบตามแผน "สุรสีห์ ๑๔๓" ที่สนามฝึกจังหวัดทหารบกตาก เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจตามขั้นตอนตามแผนป้องกันชายแดน ซึ่งการซ้อมจะมีถึงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๕ มีการเคลื่อนย้ายรถถัง รถสายพานลำเลียงพล ปืนใหญ่กระสุนเบาวิถีโค้งและปืนใหญ่อัตถาจร ระบบเรดาร์เข้า รวมทั้งยานยนต์ต่าง ๆ หลายร้อยคันเคลื่อนย้ายทหารจำนวน ๓๐,๐๐๐-๔๐,๐๐๐ นาย เข้าไปในพื้นที่ รวมทั้งกองกำลังหน่วยเคลื่อนที่เร็วที่สามารถทำการรบในเวลากลางคืนเข้าไปในพื้นที่ นับเป็นการเคลื่อยย้ายกองกำลังขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพไทยนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์บ้านร่มเกล้า

๖ พฤษภาคม ๒๕๔๕ แผนการซ้อมรบเริ่มขึ้น โดยมีพิธีเปิดที่ จ.เชียงใหม่ มีการลำเลียงรถถังโดยขบวนรถไฟเข้าร่วมฝึก ทั้งอาวุธหนักและกำลังพลไปใน ๓ จังหวัด คือตาก ลำปาง และเชียงราย ส่วนทหารพม่าเข้าไปตั้งกองบัญชาการปืนใหญ่ตามแนวชายแดนพม่า-ไทย เพื่อกวาดล้างยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย มีอาวุธหนักหลายชนิดเข้าประจำการ

วันเดียวกัน กองกำลังว้าแดงทำหนังสือประท้วง รัฐมนตรีกลาโหมไทย ผ่านสถานทูตไทยในย่างกุ้ง ว่าทหารไทยยิงปืนถูกโรงเรียนทำให้นักเรียนบาดเจ็บ เมื่อครั้งเกิดการปะทะที่ฐานบ้านโป่งไฮ

๘ พฤษภาคม ๒๕๔๕ มีการประชุมคณะกรรมการทีบีซี เพื่อเจรจาแลกเปลี่ยนเชลยศึก ผลไม่ชัดเจนให้นำเรื่องเข้าหารือระดับสูงของทั้งสองฝ่าย๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๕ ฐานของทหารว้าแดงตลอดแนวชายแดนไทยพม่าในเขตภาคเหนือ ถูกโจมตีอย่างหนักจากกองกำลังไทยใหญ่ ส่งผลทำให้ไทยใหญ่เข้ายึดฐานที่มั่นทางทหารของพม่า - กลุ่มว้า จนถึงเช้าวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๕ รวมทั้งสิ้น ๒๗-๒๘ ฐาน

ในช่วงเวลาดังกล่าวมีรายงานข่าวแจ้งว่า มีทหารไทยในสังกัดกองกำลังผาเมืองที่ถูกส่งเข้าพื้นที่ชายแดนด้าน อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ตรงข้ามพื้นที่ BP3 ประเทศพม่า (บริเวณที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารพม่า-กำลังกู้ชาติไทยใหญ่ (SSA) ของ พ.อ.ยอดศึก ตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๕) จำนวนราว ๕๐นาย ได้ขาดการติดต่อกับหน่วยเหนือไป โดยยังไม่สามารถยืนยันสาเหตุได้ ขณะเดียวกันเริ่มเกิดข่าวลือหนาหูมากขึ้นว่า การปะทะกันระหว่างกำลังทหาร SSA กับทหารพม่า - ว้า ในพื้นที่รัฐฉานตรงข้ามพรมแดนด้านแม่ฮ่องสอน - เชียงใหม่ และเชียงราย หลายวันที่ผ่านมา ทหารไทยมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ยังมีการระบุออกมาถึงขั้นว่า มีการส่งกำลังทหารไทยเข้าไปร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ และหนังสือพิมพ์บางฉบับได้ถึงกับระบุชื่อของนายทหารระดับนายพันของหน่วยสงครามพิเศษที่ได้เข้าไปควบคุมการปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย

๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๕ หนังสือพิมพ์ของไทยบางฉบับ และหนังสือพิมพ์ต่างประเทศบางฉบับ ได้ลงข่าวว่าไทยกับ พม่าตกลงร่วมกัน หรือรัฐบาลไทยกับหม่องเอตกลงร่วมกัน ที่จะใช้กำลังกวาดล้างทหารว้า ที่อยู่ตามแนว ชายแดนทั้งหมด

๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๕ มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเข้าโจมตีฐานของว้าแดงแตกไปหลายฐานและมีฐานของทหารพม่า ๔-๕ ฐานถูกโจมตีละลายทั้งฐาน ทหารในฐานทั้งหมดเสียชีวิต ในจำนวนนี้มีนายทหารระดับยศพันโท ผู้บังคับการกองพัน และนายทหารระดับนายพันอีกประมาณ ๓-๔ นายรวมอยู่ด้วย

๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๕ รัฐบาลย่างกุ้งส่งโทรสารไปยังสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก กล่าวหาว่าไทยสนับสนุนการก่อการร้าย รวมทั้งติดอาวุธให้กับกลุ่มกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่เพื่อโจมตีกลุ่มกองทัพว้าแดง เนื้อหาในแถลงการณ์บางตอนระบุว่า เป็นที่น่าเสียใจที่นายทหารไทยให้ข้อมูลผิดๆ แก่สื่อมวลชน ซัดทอดความผิดแก่ชนชาติว้าฝ่ายเดียว ขณะเดียวกันกลับสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายในแผ่นดินของตนเองจนนำมาซึ่งภาวะไร้เสถียรภาพในหลายๆประเทศในภูมิภาคนี้ พล.ต.จ่อวิน รองเจ้ากรมข่าวกรองทหารพม่า แถลงในวันเดียวกันอีกว่า รัฐบาลย่างกุ้งพร้อมที่จะใช้มาตรการอื่นๆ นอกเหนือไปจากมาตรการทางการทูตเพื่อตอบโต้ไทย รักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและดินแดนพม่า วาระเดียวกันนี้ เขายังปฏิเสธว่า พล.อ.หม่อง เอ ผู้บัญชาการทหารบก และรองประธานสภาสันติภาพและการพัฒนา (SPDC) ไม่ได้ให้ไฟเขียวแก่ทหารไทยบุกถล่มแหล่งผลิตยาเสพติดของว้าแดง หลังจากเดินทางเยือนประเทศไทยเมื่อเร็วๆนี้ "พม่าไม่ยอมให้ทหารต่างชาติล่วงล้ำอธิปไตย ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น การกระทำของทหารไทยครั้งนี้ ไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่เพื่อนบ้านกระทำต่อกัน" พล.ต.จ่อวิน กล่าว

ขณะที่นายทหารระดับสูงของไทยยืนยันว่า รถถัง และอาวุธหนักที่ดาหน้าขึ้นเหนือประชิดชายแดนนั้น เป็นเพียงการซ้อมรบแต่สื่อโทรทัศน์ของพม่า กลับได้ออกข่าวระดมคนในชาติไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติพม่า ว้า คะฉิ่น ฯลฯ ให้ร่วมกันขับไล่ "ข้าศึก" ที่รุกล้ำประเทศพม่าออกไป ข้าศึกที่ว่านี้ พม่าระบุชัดแจ้งว่าหมายถึง ประเทศไทย เหตุผลเนื่องจาก ตลอดสัปดาห์มีกระสุนปืนจากรถถัง - ปืนใหญ่ ข้ามจากฝั่งไทย ไปตกในฝั่งพม่า แถบตรงข้าม อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่และบริเวณตรงข้ามชายแดนด้านปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน จนทำให้ฐานทหารพม่าในพื้นที่แถบนี้ ถูกกองกำลัง SSA ตีแตกและเข้ายึดฐานไปหลายแห่ง ที่สำคัญ กองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่ (SSA) ที่เคลื่อนไหวอยู่บริเวณชายแดนตรงข้าม จ.เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ไม่มีปืนใหญ่ และรถถังอยู่ และทหารพม่าเสริมกำลังด้วยรถถังแบบที ๖๙ จำนวนประมาณ ๑๐๐ คัน เข้ามาตรงข้ามจังหวัดแม่ฮ่องสอน๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๕ ทางการพม่าสั่งปิดพรมแดนพม่า-ไทยทั่วประเทศ ตั้งแต่เขตติดต่อ อ.แม่สาย จ.เชียงราย- จ.ระนอง มีข่าวทหารพม่าจากค่ายเมือง กองพล ๓๓๑ ทางตอนเหนือของ จ.ท่าขี้เหล็ก ๓๐๐ นาย เข้ามาตั้งค่ายที่หมู่บ้านสามปี จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงข้ามผาช้างมูบ-ผาหมี ต.เวียงผางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตลอดแนวชายแดนตั้งแต่จังหวัดเชียงรายถึงระนองพบว่าในฝั่งพม่ามีการเสริมกำลังทหารอยู่ตลอดเวลาซึ่งชายแดนตรงข้ามจังหวัดเชียงราย,เชียงใหม่,แม่ฮ่องสอน มีกำลังทหารพม่าเข้าประจำการถึง ๑๔๙ กองพัน โดยเฉพาะชายแดนตรงข้ามอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามีการเสริมกำลังทหารเข้าไปอย่างผิดปกติเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีการสู้รบกันอย่างหนักระหว่าง พม่ากับกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่

ขณะที่ชายแดนตรงข้ามจังหวัดตาก พม่าได้เสริมกำลังทหารเข้าไป ๕๐๐ นายพร้อมรถลำเลียงพล ๖๐ คัน ส่วนชายแดนด้านจังหวัดระนอง นอกจากจะมีเรือรบ ๓ ลำ เข้าประจำการในฝั่งพม่าแล้ววันนี้ยังได้มีการติดตั้งปืนใหญ่และจรวด แซมพร้อมระบบเรด้าห์ โดยมีพลจัตวา ต้าเอ้ ผู้บัญชาการภาคทหารบกพื้นที่ชายฝั่งเป็นคนบัญชาการ และได้สั่งให้เพิ่มความเข้มในการตรวจตราน่านน้ำตลอดเวลาด้วย

ขณะเดียวกันบรรดาสื่อของทางการพม่า ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ ก็ยังคงออกข่าวโจมตีไทยตลอดเวลา และได้มีการปลุกระดมมวลชนตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ต่อต้านไม่ให้ซื้อสินค้าไทย และได้นำเข้าสินค้าจากประเทศจีน,สิงคโปร์ และมาเลเซียมาแทนที่ แต่ถึงกระนั้นพบว่าในฝั่งพม่า เริ่มขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคกันแล้ว และที่มีเหลือขายอยู่ก็มีราคาแพง ๔-๕ เท่า บางคนต้องลักลอบข้ามแดนมาซื้อในฝั่งไทย ซึ่งสร้างความวิตกให้ กับคนไทย และพ่อค้าตามแนวชายแดนอย่างมาก เพราะเกรงว่า จะถูกบุกมาปล้นสะดม

ทางการไทยสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อม และมีการเสริมกำลังทางอากาศ ส่งเครื่องบินรบแบบเอฟ ๑๖ ย้ายไปประจำการที่เชียงใหม่

๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๕ รัฐบาลพม่าไฟเขียวให้ทหารพม่าที่ประจำอยู่บริเวณชายแดน สามารถยิงผู้ต้องสงสัยว่ามีอาวุธทุกคนที่ข้ามมาจากฝั่งไทยได้ทันที โดยสำนักงานบริการด้านกลาโหม เป็นผู้ออกคำสั่ง

วันเดียวกัน กลุ่มกะเหรี่ยงอิสระ(เคเอ็นยู) กองพัน ๒๐๑ เข้าโจมตีฐานที่มั่นทหารพม่าค่ายกะแนเล ตรงข้ามบ้านน้ำตื้น ต.วาเลย์ อ.พบพระ จ.ตาก ทางการพม่ามีคำสั่งห้ามราษฎรพม่าข้ามมาฝั่งไทย

๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๕: มีกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ๓๐-๔๐ นาย บุกเข้าโจมตีฐานกองร้อยทหารพรานที่

๓๒๐๖ บริเวณบ้านเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว โดยล้ำแดนเข้ามา ๗๐๐ เมตร ใช้อาวุธปืนและเครื่องยิงลูกระเบิดยิงเข้าใส่ แต่ไม่สามารถยึดฐานของไทยได้ ทหารต้องอพยพคนไทย ๑๐๐ คน ไปอยู่ที่โรงเรียนบ้านเมืองนะ เพื่อรอพิสูจน์ให้ทราบแน่ชัดว่าเป็นกำลังฝ่ายไหน

วันเดียวกัน ทหารไทย จับชายชาวพม่า ๓ คน ต้องสงสัยเป็นสายลับเข้ามาสืบข่าว แต่ปรากฏว่าเป็นเพียงชาวพม่าที่ลักลอบเข้ามาหางานทำ ทางการพม่าเสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย จำนวนมาก โดยเฉพาะจุดผ่อนปรน ตั้งแต่บ้านเหมืองห้าถึงบ้านหัวฝาย มีการสร้างบังเกอร์กระสอบทรายตลอดแนว และสั่งปิดจุดผ่อนปรนบ้านหัวฝาย ขณะที่ฝ่ายไทย กรมทหารม้าที่ ๔ กองกำลังผาเมือง เพิ่มกำลังทหารเข้าไปยังพื้นที่ที่มีกองกำลังทหารพม่าอยู่บางเหตุการณ์เช่น ทหารไทยยืนคำขาดให้ทหารพม่าผสมว้าถอนทหารออกจากเนินปางหนุน แต่ไม่ยอมถอน เลยโดนทหารไทยยิงปืนใหญ่ถล่มแบบถ่ายทอดสด ยังไม่ขอลงละกันครับ มันยาวเหมือนกัน กลัวขี้เกียจอ่าน เพราะที่มาที่ไปก็ยาวเหมือนกัน

ส่วนภาค ๒ จะเป็นผลที่เกิดขึ้นคือ การถอนกำลังทหารไทยยุติการฝึกก่อนกำหนด มีการโยกย้ายนายทหารของไทย และการปรับเปลี่ยนผู้บัญชาการของพม่าและการเปิดให้เข้าตรวจสอบเมืองยอน รวมทั้งแผนพัฒนาเมืองยอนเพื่อยุติยาเสพติด โดยใช้ต้นแบบโครงการหลวงของไทยที่เคยใช้ได้ผลยุติการปลูกฝิ่นมาแล้ว ซึ่งหลายคนคงจะทราบข่าวบ้างพอสมควร เลยไม่ขอเอ่ยในที่นี้ครับ

 
เครดิต:wing21
บันทึกการเข้า



โลกเรามีคนสองประเภท คือพวกที่ทำดีแล้วโดนด่า กับพวกที่ไม่ทำห่าแล้วด่าอย่างเดียว
Judas Iscariot
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1405


ใต้ฟ้า..บนดิน..เหนือทะเล..

facebook.com/profile.php?id=100001451555543
« ตอบ #14 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2010, 08:08:16 »

สังเกตุว่าสมัยก่อน ถ้ามีกระสุนยิงข้ามมาฝั่งไทย

ไทยเรายิงสวนกลับไปทันที แต่สมัยนี้ถ้ามียิงกันเมื่อไหร่

แม่ทัพภาคของเราบินไปคุยกับเขมรทันที 5 5+
บันทึกการเข้า



โลกเรามีคนสองประเภท คือพวกที่ทำดีแล้วโดนด่า กับพวกที่ไม่ทำห่าแล้วด่าอย่างเดียว
หน้า: [1] 2 3   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: