ฮาเคอร์นัส ลีด เวิร์กส์ จับมือเอซ กรีน รีไซคลิง ใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลตะกั่วที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่โรงงานในอิสราเอล
โรงงานหลายแห่งจะรีไซเคิลแบตเตอรี่ตะกั่วได้ 50 ,000 ตันต่อปี และป้องกันการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 30 ล้านกิโลกรัมในทุก ๆ ปี
เอซ กรีน รีไซคลิง (ACE Green Recycling) หรือเอซ (ACE) ได้ลงนามในข้อตกลงการจัดหาอุปกรณ์และการออกใบอนุญาตกับบริษัทฮาเคอร์นัส ลีด เวิร์กส์ (Hakurnas Lead Works Ltd) เพื่อจัดตั้งโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ในอิสราเอลและโรมาเนีย โดยเอซจะใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลแบตเตอรี่ตะกั่วที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ณ โรงงานผู้ผลิตตะกั่วแบบทุติยภูมิชั้นนำของอิสราเอล เพื่อรีไซเคิลแบตเตอรี่ตะกั่วให้ได้ 50,000 ตันต่อปี ซึ่งเท่ากับยอดขายโลหะตะกั่วประมาณ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ฮาเคอร์นัสเป็นโรงหลอมตะกั่วแบบทุติยภูมิชั้นนำของตะวันออกกลาง ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานมากกว่า 60 ปีในอิสราเอล ในช่วงเวลานี้ บริษัทได้กลายเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำรายสำคัญในยุโรปและอเมริกาเหนือ ด้วยแบรนด์ที่ได้รับการรับรองจากตลาดซื้อขายโลหะลอนดอน (LME) และด้วยความร่วมมือนี้ ทั้งสองบริษัทมีแผนที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนระดับภูมิภาค
ไมรอน บะดิน (Miron Badin) ซีอีโอและเจ้าของฮาเคอร์นัส กล่าวว่า "เรารู้ทันทีถึงคุณค่าของเทคโนโลยีที่เอซมอบให้เรา และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับพวกเขาเพื่อนำพาอุตสาหกรรมไปสู่ทิศทางใหม่ที่ยั่งยืนมากขึ้น สิ่งสำคัญสำหรับเราคือการร่วมมือกับเอซเพื่อเป็นผู้ใช้รายแรก ๆ ของเทคโนโลยีที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากฮาเคอร์นัสมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำการพัฒนาในอุตสาหกรรมเสมอ"
แบตเตอรี่ตะกั่วเป็นองค์ประกอบสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์และโทรคมนาคม ในขณะเดียวกันก็มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านพลังงานสำหรับการจัดเก็บพลังงานหมุนเวียน ซึ่งแต่เดิมนั้นแบตเตอรี่ตะกั่วจะถูกรีไซเคิลผ่านกระบวนการหลอมซึ่งต้องใช้อุณหภูมิในการดำเนินงานมากกว่า 1,000 องศาเซลเซียส ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก รวมถึงขยะมูลฝอยที่เป็นพิษซึ่งต้องนำไปฝังกลบ
เทคโนโลยีรีไซเคิลของเอซแตกต่างจากการหลอมโลหะ โดยจะแทนที่เตาหลอมและสามารถทำงานที่อุณหภูมิห้อง ใช้ไฟฟ้า ปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงเป็นศูนย์ และลดขยะมูลฝอยได้มากกว่า 80% กระบวนการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มกำไรของฮาเคอร์นัสอย่างมาก และลดความเสี่ยงของผู้ปฏิบัติงานและความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
นิชเชย์ ชาธา (Nishchay Chadha) ซีอีโอของเอซ กรีน กล่าวว่า "ฮาเคอร์นัสเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมมาโดยตลอด และด้วยการเป็นพันธมิตรครั้งนี้ เรามองว่าพวกเขาได้สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการรีไซเคิลแบตเตอรี่ตะกั่วในยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งจะเป็นการชี้นำให้กับโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่รายอื่น ๆ ในภูมิภาค ข้อตกลงความร่วมมือกับฮาเคอร์นัสนั้นสอดคล้องกับความมุ่งมั่นที่ต่อเนื่องของทั้งสองบริษัทได้อย่างเป็นธรรมชาติ ในการสร้างความมั่นใจว่าการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกไม่เพียงแต่สร้างผลกำไรเท่านั้น แต่ยังยั่งยืนด้วย"
ในข้อตกลงนี้ เอซจะขายอุปกรณ์และสารเคมีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทให้กับฮาเคอร์นัส และให้การสนับสนุนด้านเทคนิคและวิศวกรรมในการติดตั้ง ดำเนินการ และเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน ซึ่งคาดว่าการดำเนินงานเบื้องต้นโดยใช้อุปกรณ์ของเอซจะเริ่มที่โรงงานฮาเคอร์นัสในเมืองอัชโดดภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 และมีแผนจะขยายขนาดเป็นระยะเมื่อได้รับอนุญาตตามสมควร
นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่า เมื่อติดตั้งระบบเต็มรูปแบบแล้ว โรงงานเหล่านี้จะรีไซเคิลเศษแบตเตอรี่ได้ 50,000 ตันทุกปี จึงป้องกันการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 30,000 ตัน ยกเลิกการฝังกลบขยะมูลฝอย 2,400 ตัน รีไซเคิลพลาสติกได้มากกว่า 3,500 ตัน และสร้างงานด้านสิ่งแวดล้อมที่ให้ค่าตอบแทนสูงและยั่งยืนสำหรับชุมชน
รูปภาพ -
https://mma.prnewswire.com/media/2106138/Joint_Logo_Ace_Green_Recycling_Hakurnas_Lead_Works.jpgคำบรรยายภาพ - โลโก้ของเอซ กรีน รีไซคลิง และฮาเคอร์นัส ลีด เวิร์กส์
อ่านข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็มได้ที่
https://www.thaipr.net/it/3349648
