บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
ทำไม? เวลา ที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเวลาออกไปสักการะบูชาทหารญี่ปุ่นที่ศาลเจ้ายาสุกูนิ ในกรุงโตเกียวมักมีเสียงด่า สาปแช่ง และประท้วงจากนานๆ ประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนทุกครั้ง
"ทำไมนายต้องไปกราบไหว้พวกมันด้วย มันไม่ใช้วีรบุรุษสักหน่อย มันเป็นปีศาจชัดๆ"
"แกทำไมทำอย่างนี้ เท่ากับหยามน้ำหน้าเราหรือ รู้ไหมพวกมันทำอะไรไว้กับพวกเราบ้าง รู้บ้างไหม"
"สักวัน ประเทศแกจะพังพินาศ เหมือนพวกมัน"
นี้ คือตัวอย่างเสียงก้มด่าจากนานาประเทศเฉพาะประเทศจีน บางคนประท้วงถึงขั้นบอยคอตสินค้าญี่ปุ่น การต่อต้านหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ การตัดความสันพันธ์ทางการทูตกับญี่ปุ่น และบางครั้งถึงขั้นปล่อยข่าวใส่ร้ายต่างๆ นา ๆ เลยทีเดียว"
ทำไมพวกเขาถึงเกลียดทหารญี่ปุ่นจนเข้าไส้ เกลียดยิ่งกว่าตัวกินไข่
คำตอบของเรื่องนี้ก็คือ พวกเขายังไม่ลืมเหตุการณ์คดีที่นานกิง ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
กับอาชญากรสงครามตัวร้ายนาม อิชิอิ ชิโร
มันทำให้ชาวจีนเจ็บแค้นญี่ปุ่นสุดๆ ยิ่งกว่าพม่ากับไทยเสียอีก........
นานกิงแดนวิปโยค
ก่อนที่ผู้เขียนจะพูดเรื่องของนาย อิชิอิ ชิโร ว่าเขาไปทำให้ประเทศจีนโกรธแค้นได้อย่างไร ผมขอพูดเรื่องคดีที่นานกิงก่อนน่ะครับ
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี ค.ศ.1937 นั้น เป็นปีที่กองทัพญี่ปุ่นได้ดาหน้าเข้ามาบุกรุกประเทศต่างๆ ในเอเชียเพื่อยึดพื้นที่ให้ได้มากที่สุดเพื่อนำเอาทรัพยากรทุกๆด้านจาก ประเทศที่ยึดได้เอาไปเป็น"ทุน"หรือ"วัตถุดิบ"ในการเติมแสนยานุภาพทางด้านการรบ การสร้างอาวุธ หรือแหล่งพลังงานสำรองด้านอื่นๆ
พวก เขาเริ่มบุกเข้ายึดประเทศแมนจูเรีย โดยอ้างว่าทหารจีนได้ไปวางระเบิดทางรถไฟของญี่ปุ่นเข้า ทำกับว่าจีนหยามน้ำหน้าญี่ปุ่น ทางประเทศพันธมิตรยุโรปทราบเรื่องนี้แต่ทำอะไรไม่มากนักเพราะเหนื่อยล้าจาก สงครามโลกที่ผ่านมา ทำได้แค่เชิญตัวแทนญี่ปุ่นเข้าพบและสั่งถอนกำลังออก แต่ญี่ปุ่นไม่รับฟังประเทศแมนจูเรียจึงถูกปกครองลับๆ โดยตัวแทนญี่ปุ่น และเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นรัฐแมนจูกัว
นอกจากนั้นประเทศญี่ปุ่นยังยึด เกาหลี และประเทศตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย ตลอดจนหมู่เกาะแปซิฟิก ฯลฯ
และเป้าหมายต่อไปของญี่ปุ่นก็คือจีน
จีน ถือว่าเป็นเป้าหมายหลักที่ญี่ปุ่นต้องการมากที่สุดในเอเชียเพราะเป็นประเทศ ที่มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุด ดังนั้นบรรดาเมืองใหญ่ๆ ทั้งหลายในจีนจึงเป็นเป้าหมายที่ญี่ปุ่นจ้องตาเป็นมัน เพื่อจะเขมือบเต็มเหนี่ยว
เมืองใหญ่น้อยทั่วจีนที่เป็นเป้าหมายของญี่ปุ่นถูกปราบลงราบคาบไม่มีการต่อต้านจากจีนใดๆ ทั้งสิ้น แต่นานกิงใน ค.ศ. 1937 นั้น นานกิงยังไม่ถูกญี่ปุ่นยึด พูดง่ายๆ คือเมืองยังไม่แตก แต่ก็สะบัดสะบอมเต็มที่เพราะกองทัพญี่ปุ่นต่างโหมบุกหนักหน่วงเป็นระลอก คลื่น ไม่ช้านานกิงอาจเหมือนเมืองอื่นๆ ที่ต่างโดนญี่ปุ่นยึดไว้หมดแล้ว
เดือนกันยายน ค.ศ. 1939 กองทัพญี่ปุ่นส่งเครื่องบินรบสุ่มทิ้งระเบิดถล่มทั่วนานกิงแบบปูพรม ถึง 100 เที่ยว
โดยเฉพาะวันที่ 25 กันยายน 1939 วันเดียวกันนั้นปรากฏว่ามีฝูงบินญี่ปุ่นแบบทิ้งระเบิดปูพรมถึง 5 เที่ยว ใหญ่ๆปล่อยตรงจุดที่มีจำนวนมากๆ เช่น หน่วยรักษาคนเจ็บ ค่ายผู้อพยพ ส่งผลให้มีคนตายในที่เกิดเหตุทันที่กว่าหนึ่งร้อยศพ มีคนบาดเจ็บนับไม่ถ้วน
สถานีวิทยุ การประปา แหล่งเพาะปลูก กระทั้งโรงพยาบาล ถูกกองทัพญี่ปุ่นทิ้งระเบิดใส่จนพังพินาศหมด
เท่านี้ นานกิงก็ตัดขาดโลกภายนอกโดยสมบูรณ์แบบ
การบุกนานกิงของญี่ปุ่น
กองทัพญี่ปุ่นใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศที่ว่า นานกิงนั้นถูกขนาบด้วยแม่น้ำถึงสองด้าน ซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่ทางใต้ของโค้งแม่น้ำแยงซี ซึ่งเมื่อไหลมาจากทางเหนือแล้วก็เลี้ยงผ่านไปทางตะวันออก กองทัพญี่ปุ่นภายใต้การนำของพลเอก นาคาจิมา เคซาโกะ สามารถเดินทัพจากทางตะวันออกเฉียงใต้มาบรรจบกันที่ด้านหน้าของนานกิงในรูป ครึ่งวงกลม โดยใช้แม่น้ำเป็นกำแพงธรรมชาติล้อมเมืองหลวงแห่งนี้ รวมทั้งสกัดการฝ่าหนีออกไปด้วย
ปลายเดือนพฤศจิกายน ทหารญี่ปุ่นสามกองทัพดาหน้าเข้าหานานกิง ทัพหนึ่งมุ่งตะวันตกทางฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำแยงซี ทหารกองนี้เข้ามาทางแม่น้ำไป๋เหมา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเซี่ยงไฮ้ โดยเดินทัพมาทางรถไฟสายนานกิง-เซี่ยงไฮ้
ทัพที่สองเตรียมตัวบุกจู่โจมนานกิงทั้งทางน้ำและทางบกอยู่ที่ทะเลสาบอ้ายหู ทัพนี้เคลื่อนจากเซี่ยงไฮ้ลงมาทางตะวันตก และเดินทัพอยู่ทางทิศใต้ของทัพของนาคาจิมา โดยผู้นำทัพนี้คือ พลเอกมัตสึอิ อิวาเนะ
ทัพที่สามภายใต้การนำของพลโทยานากาวา ไฮสุเขะ เดินห่างจากทัพของพลเอกมัตสึอิลงไปทางใต้และหักเลี้ยวเข้าหานานกิงจากทาง ตะวันตกเฉียงเหนือ โดยไม่มีการยั้งมือ
ก่อนที่จะบุกถึงนานกิงนั้นทหารญี่ปุ่นได้เข้าโจมตีเมืองซูโจวราบเป็นหน้ากลอง และฆ่าทุกคนที่พบ การบุกเข้าเมืองซูโจวครั้งนี้ทำให้จำนวนประชากรลดลงจาก 350,000 คนลงเหลือไม่ถึง 500 ชีวิต
จนถึงรุ่งสางของวันที่ 13 ธันวาคม กองทัพญี่ปุ่นสามารถบุกผ่านประตูเมืองนานกิงเข้ามาได้
[แก้] หลังจากที่กองทัพญี่ปุ่นบุกนานกิง
หลังจากที่กองทัพญี่ปุ่นบุกเข้านานกิงได้เรียบร้อยแล้ว ก็ทำการเข้าปลดอาวุธทหารจีนที่ยอมแพ้และยอมตกเป็นเชลย โดยมีคำสั่งต่อทหารญี่ปุ่นว่าให้กำจัดคนจีนและเชลยทุกคนที่จับได้ และจากที่ประชุมตกลงว่า จะทำการแบ่งเชลยออกเป็นจำนวนเท่าๆกัน และจะถูกนำออกมาจากที่คุมขังเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 50 คน เพื่อนำไปประหาร ใช้ทหารกองร้อยที่ 1, 2 และ 5 โดยกองร้อยที่ 1ใช้พื้นที่บริเวณนาข้าว และบริเวณพื้นที่ลุ่มทางตะวันตกเฉียงใต้ของกองร้อยที่ 2 และกองร้อยที่ 5 ใช้พื้นที่บริเวณนาข้าวทางตะวันออกเฉียงใต้ของที่ตั้งกอง
คำสั่งนั้นเป็นไปอย่างเป็นเหตุเป็นผลและเหี้ยมโหดโดยปราศจากเมตตาเพราะ ไม่สามารถหาอาหารให้เชลยทั้งหมดได้ โดยสามารถช่วยขจัดปัญหาเรื่องอาหาร และลดการตอบโต้ได้
ญี่ปุ่นใช้วิธีการหลอกลวงเชลยเพื่อนำไปประหารหลายวิธีด้วยกัน เช่น ให้สัญญาว่าจะปฏิบัติอย่างดีหากไม่ต่อต้าน หลอกให้เข้ามอบตัว แบ่งผู้ชายออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละร้อยหรือสองร้อย แล้วหลอกไปยังจุดต่างๆที่นอกตัวเมืองเพื่อฆ่าทิ้ง
ทั้งหมดนี้ได้รับการปฏิบัติอย่างง่ายดายกว่าที่ฝ่ายญี่ปุ่นคาด การต่อต้านมีเพียงบางจุด เพราะทหารจีนส่วนใหญ่ทิ้งอาวุธและทิ้งเมืองไปก่อนแล้ว