นักวิเคราะห์เศรษฐกิจของกัมพูชาได้ประเมินความเสียหายด้านเศรษฐกิจ
อันเกิดจากปัญหาทางการ เมืองกับประเทศไทยเนื่องจาก ทักษิณ ชินวัตร
ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจของ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 โดยพบว่า...
ตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวตกต่ำอย่างรุนแรงถึงขั้นอันตราย
ทั้งนี้ เว็บไซต์
หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ เมื่อวันศุกร์ที่ 27สค 53รายงานว่าข้อมูลจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจกัมพูชา ชี้ว่า
การลงทุนจากธุรกิจไทยในกัมพูชาลดลง
จากระดับ 178ล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2552
เหลือ 2 ล้านดอลลาร์ ในครึ่งแรกของปีนี้
ขณะเดียวกันการส่งออกจากกัมพูชาไปยังไทย ลดลงถึง 50%
ต่ำลงเป็นสถิติใหม่ เมื่อเทียบกับมูลค่าการส่งออกสินค้า
จากกัมพูชาไปยัง ประเทศคู่ค้าสำคัญอื่นๆ
นอกจากนั้นความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างไทยกับกัมพูชา
ยังส่งผลเสียต่อการลงทุนจากไทย
เพราะแม้แต่บริษัทการบินไทยก็ระบุด้วยว่า
อาจจะถูกรัฐบาลกัมพูชาคว่ำบาตรในช่วงต้นปีนี้
ระหว่างที่เกิดคดีจับกุมนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์
เพราะเปิดเผยข้อมูลการเดินทางของ ทักษิณ
ทำให้เชื่อได้ว่าจะมีบริษัทไทยชะลอการลงทุนในกัมพูชาเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ทักษิณ ยังได้ให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่
ด้านการค้าและการคลังในแบบพื้นๆ
ซึ่งเจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็ได้เรียนรู้
จากการเรียนในระดับปริญญาตรีมาหลายสิบปีก่อนแล้ว
แม้กัมพูชาไม่ได้จ่ายค่าจ้างอย่างเป็นทางการให้แก่ ทักษิณ
แต่ความเสียหายของเศรษฐกิจของประเทศกลับเพิ่มสูงขึ้น
และเมื่อ ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่ง
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลได้นำเอาคำแนะนำของ ทักษิณ
เกี่ยวกับการรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจโลก เกษตรกรรม การท่องเที่ยว
และการลงทุนจากต่างประเทศมาพิจารณา
พบว่าคำแนะนำเหล่านั้นไม่ได้สร้างประโยชน์ให้แก่เศรษฐกิจประเทศ
อย่างที่ควร จะเป็น
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจกัมพูชายังให้ความเห็นด้วยว่า
แม้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชายืนยันว่า
การลาออกของ ทักษิณ เกิดขึ้นจากการสมัครใจ
แต่สภาพัฒน์ไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง
อย่างไรก็ตาม การลาออกของ ทักษิณ
ถือเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดที่ ทักษิณ เคยให้แก่กัมพูชา
ในฐานะที่ปรึกษาเศรษฐกิจ
หลังจากที่ให้คำแนะนำในทิศทาง
ที่ทำให้กัมพูชาย่ำแย่ลงมาโดยตลอด
ลิ้งค์หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์
http://www.phnompenhpost.com/